กรมชลฯ ผนึก 3 หน่วยงาน เดินหน้าสร้างต้นแบบจัดการน้ำยั่งยืน แก้มลพิษแหล่งน้ำ EEC

06 ส.ค. 2568 | 07:34 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2568 | 07:44 น.

กรมชลประทานจับมือกรมควบคุมมลพิษ จุฬาฯ และ สวทช. ลงนาม MOU ยกระดับการจัดการคุณภาพน้ำในพื้นที่ EEC)หลังพบการปนเปื้อนโลหะหนักในแหล่งน้ำสำคัญ หวังผลักดันโมเดลบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ นำสู่ความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

เช้าวันนี้ (6 ส.ค. 2568) ที่กรมชลประทาน สามเสน กรุงเทพฯ นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยผู้แทนจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ รศ.ดร.อักษรา พฤทธิวิทยา ผู้แทนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

 

โดยได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU Signing Caremony) ว่าด้วยการยกระดับขีดความสามารถด้านการจัดการคุณภาพน้ำและการปนเปื้อนในแหล่งน้ำของประเทศไทย โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูง ผู้แทนของหน่วยงานพันธมิตรทางวิชาการนานาชาติจากประเทศออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์ ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในครั้งนี้

กรมชลฯ ผนึก 3 หน่วยงาน เดินหน้าสร้างต้นแบบจัดการน้ำยั่งยืน แก้มลพิษแหล่งน้ำ EEC

สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ดังกล่าว สืบเนื่องจากการตรวจพบปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนัก อาทิ ทองแดง สังกะสี และตะกั่ว เกินค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดินและคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดินน้ำ ในอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16 จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ประชุมคณะอำนวยการและคณะทำงานขับเคลื่อนในการศึกษา Nature Based Solution (Nbs) และการพัฒนาแหล่งน้ำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)

 จึงมีมติให้เร่งรัดการจัดทำ MOU ระหว่าง 4 หน่วยงาน  เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ยกระดับการจัดการคุณภาพน้ำ นำไปสู่แนวปฏิบัติด้านการตรวจวัด ติดตาม และประเมินผลตามหลักวิชาการ ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำสำคัญในพื้นที่ EEC ที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอย่างมากอีกด้วย

กรมชลฯ ผนึก 3 หน่วยงาน เดินหน้าสร้างต้นแบบจัดการน้ำยั่งยืน แก้มลพิษแหล่งน้ำ EEC

ในส่วนของกรมชลประทาน ที่มีหน้าที่ในการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ จะร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิชาการนี้ ให้เป็นต้นแบบของการบริหารทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืนในอนาคต