น้ำท่วมหาดใหญ่สะเทือนอสังหาฯ ผู้ประกอบการเร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด

อุทกภัยครั้งรุนแรงในอำเภอหาดใหญ่ที่เพิ่งคลี่คลายลงได้เผยให้เห็นความเสียหายด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งผู้พัฒนาโครงการและผู้อยู่อาศัยอย่างกว้างขวาง โดยข้อมูลจากคอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันหาดใหญ่มียูนิตระหว่างขายรวม 128 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 41,000 ล้านบาท และในเหตุการณ์ครั้งนี้ โครงการแนวราบถือเป็นเซ็กเมนต์ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

ทั้งโครงสร้างภายใน ระบบไฟฟ้า-ประปา และวัสดุตกแต่งที่เสียหายจากน้ำท่วมขัง ขณะที่คอนโดมิเนียมหลายแห่งถูกน้ำท่วมพื้นที่ชั้นล่างและส่วนกลาง ทำให้ต้องใช้เวลาฟื้นฟูระยะหนึ่งก่อนกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่เองและนักลงทุนปล่อยเช่าอย่างมีนัยสำคัญ

ตลาดแนวราบยังถือเป็นกำลังซื้อหลักของหาดใหญ่ โดยบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มียอดขายรวมคิดเป็น 70.7% ของอุปทานทั้งหมด แม้จะสะท้อนว่าความต้องการอยู่อาศัยยังแข็งแรงอยู่ แต่เหตุการณ์น้ำท่วมหนักในครั้งนี้ได้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของการออกแบบโครงการในอนาคต ทั้งการยกระดับพื้นให้สูงขึ้น การเลือกใช้วัสดุทนน้ำ การวางระบบระบายน้ำใหม่ และในฝั่งคอนโดมิเนียมอาจต้องพิจารณาออกแบบชั้นล่างให้มีความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติมากขึ้น รวมถึงการปรับตำแหน่งระบบไฟฟ้าให้ปลอดภัยจากระดับน้ำสูงสุด

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า อุทกภัยครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในหาดใหญ่ แม้พื้นที่บางส่วนจะมีความเสี่ยงอยู่เดิม แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีน้ำท่วมในระดับเทียบเคียงครั้งนี้ และหากเทียบกับน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ปี 2554 ซึ่งกินพื้นที่กว้างกว่า ความรุนแรงของปริมาณน้ำในหาดใหญ่ครั้งนี้ถือว่าหนักกว่าในหลายจุดและสร้างความเดือดร้อนต่อผู้คนจำนวนมาก

เขาระบุว่า โครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกแบรนด์ล้วนได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป โดยเฉพาะบุคลากรในพื้นที่ของบริษัทที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือลูกบ้าน หลายรายต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วมที่บ้านตนเอง แต่ยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งบริษัทต้องขอชื่นชมเป็นพิเศษ พร้อมกันนี้ศุภาลัยได้เร่งวางมาตรการช่วยเหลือ ตั้งแต่ส่งทีมสนับสนุนเข้าพื้นที่ทันทีที่ระดับน้ำเอื้ออำนวย ไปจนถึงจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพสำหรับลูกบ้าน

สำหรับการฟื้นฟูบ้านที่ได้รับความเสียหาย นายไตรเตชะเน้นย้ำว่า “ความปลอดภัยต้องมาก่อน” โดยต้องตรวจสอบระบบน้ำและไฟฟ้าอย่างละเอียดก่อนกลับมาใช้งาน เพื่อป้องกันการลัดวงจรและความเสียหายเพิ่มเติม ขณะที่การหาแรงงานในพื้นที่ซ่อมแซมก็เป็นอีกความท้าทาย เนื่องจากผู้รับเหมาหลายรายได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้ บริษัทจึงต้องระดมกำลังสนับสนุนจากสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และภูเก็ต เพื่อกระจายทีมงานตามความเร่งด่วนของแต่ละโครงการ

ด้านนางสาวภัคพริ้ง การุญ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโครงการแนวราบ บมจ.แสนสิริ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมมีผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจโดยรวมและโครงการของบริษัทในพื้นที่ โดยแสนสิริมีคอนโด 3 โครงการในหาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ และแม้บริษัทจะตระหนักว่าภัยพิบัติเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่อุทกภัยปีนี้ถือว่ารุนแรงกว่าที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

บริษัทได้จัดทีมช่วยเหลือลูกบ้านในทันที ทั้งการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์จำเป็น และการประสานงานจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ พร้อมจัดส่งทีมและทรัพยากรลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

โดยมีพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้ให้บริการ Property Management ในเครือแสนสิริจัดการในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ทั้งการจัดตั้ง War Room ไปจนถึงทีมเสบียง ทีมขนย้ายและประสานงานท้องถิ่น การสื่อสารภายใต้ระบบไฟฟ้าล่ม รวมถึงการดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และเด็กเล็ก โดยในช่วงน้ำลด ทีมยังต้องเร่งตรวจสอบระบบไฟ-ประปา เครื่องกล สุขาภิบาล และฟื้นฟูความสะอาด ลดความเสี่ยงจากตะกอนและสิ่งปนเปื้อนให้เร็วที่สุด ซึ่งทั้งหมดถูกนำมาสู่การพัฒนาโมเดลการจัดการภัยพิบัติสำหรับโครงการในอนาคต