KEY
POINTS
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) ว่ามีมูลค่ารวมประมาณ 141,077 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 163,882 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวช้า ปัจจัยการเมืองที่ยังไม่เสถียร และกำลังซื้อของครัวเรือนที่กลับมาช้ากว่าคาด ส่งผลให้การตัดสินใจสร้างบ้านชะลอตัวในช่วงต้นปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบรายไตรมาสพบสัญญาณบวกชัดเจน โดยไตรมาส 2 ปี 2568 มีมูลค่าก่อสร้าง 45,167 ล้านบาท และขยับขึ้นเป็น 48,200 ล้านบาทในไตรมาส 3 นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 7% สะท้อนว่าความต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของครอบครัวเริ่มกลับมาชัดเจน และถือเป็นจุดกลับตัวของตลาดหลังผ่านช่วงซบเซาในไตรมาสแรก
จากข้อมูลของ HBA พบว่า “ต่างจังหวัด” เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีมูลค่าตลาดรวม 114,272 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 81% ของทั้งประเทศ แม้ตัวเลขเทียบปีก่อนจะยังลดลง 7% แต่ยังถือว่าฟื้นตัวมากกว่าโซนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งทำได้เพียง 19% หรือ 26,805 ล้านบาท และมีอัตราหดตัวสูงถึง 35%
เมื่อเทียบสัดส่วนตลาดกับปี 2567 พบการเปลี่ยนแปลงชัดเจน โดยปีที่แล้วต่างจังหวัดมีส่วนแบ่ง 75% ก่อนจะเพิ่มเป็น 81% ในปีนี้ ขณะที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลลดลงต่อเนื่อง สะท้อนว่ากำลังซื้อหลักในตลาดสร้างบ้านย้ายไปอยู่ในเมืองรองและต่างจังหวัดที่ยังมีดีมานด์สร้างบ้านบนที่ดินเดิมของครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเทียบตัวเลขยอดขายระหว่างไตรมาส 2 และ 3 ปี 2568 จะเห็นได้ว่าหลายภูมิภาคเริ่มกลับมามีทิศทางบวก
ภาพรวมทั้งหมดจึงชี้ชัดว่า ภาคกลางและภาคใต้ เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2-3 ขณะที่บางภูมิภาค เช่น ภาคตะวันออกและภาคเหนือ ยังคงเผชิญแรงกดดันตามภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาชัดเจนขึ้นในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการทำตลาดเชิงรุกของสมาคมฯ โดยเฉพาะการสื่อสารเรื่องมาตรฐานการก่อสร้าง คุณภาพงาน และความน่าเชื่อถือในการส่งมอบบ้านที่เป็นจุดแข็งของบริษัทรับสร้างบ้านมาตรฐาน ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสร้างบ้านกับผู้ประกอบการในระบบมากขึ้น
นอกจากนี้ การจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025 : สร้าง อยู่ ดี” ซึ่งเป็นอีเวนต์ใหญ่ประจำปี ยังคงมีบทบาทในการสร้างภาพจำและความเชื่อมั่น แม้ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อมูลค่าตลาดทั้งประเทศ แต่ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคได้อย่างมีนัยสำคัญ
ด้านมาตรการรัฐยังเป็นอีกแรงกระตุ้นสำคัญ ทั้งการ ลดหย่อนภาษีค่าก่อสร้างบ้าน (ล้านละหมื่น) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายโครงการ เช่น “คนละครึ่ง” ที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องระยะสั้นและส่งผลทางอ้อมต่อตลาดสร้างบ้าน
นายอนันต์กรระบุว่า ไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดสร้างบ้าน และปี 2568 มีแนวโน้มเห็นผู้บริโภคตัดสินใจเร็วขึ้น เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มปรับขึ้น รวมถึงค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มในปี 2569 จึงทำให้หลายครอบครัวเร่งเซ็นสัญญาก่อสร้างภายในปีนี้
หากภาพรวมเศรษฐกิจเดินหน้าได้ตามมาตรการกระตุ้นการบริโภค และ GDP ยืนระดับ 2.5-3% จะเป็นแรงส่งสำคัญให้ตลาดรับสร้างบ้านเติบโตได้ระดับเลขตัวเดียวต่อเนื่อง โดยยังคงพึ่งพากำลังซื้อหลักจากต่างจังหวัดเป็นสำคัญ