น้ำท่วมหาดใหญ่รอบ 25 ปี สะเทือนโครงการอสังหาฯ 4 หมื่นล้าน

25 พ.ย. 2568 | 09:40 น.

น้ำท่วมใหญ่รอบ 25 ปี เสียหายหนักกว่าแสนครัวเรือน ตลาดอสังหาฯ มูลค่า 4 หมื่นล้านได้รับผลกระทบ ทั้งบ้านจัดสรร ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดชั้นล่าง คอลลิเออร์สถอด “บทเรียนสำคัญ” รับมือความเสี่ยงน้ำท่วม

อำเภอหาดใหญ่เผชิญอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 25 ปี นับตั้งแต่ปี 2543 โดยมวลน้ำจำนวนมากจากน้ำหลากและฝนสะสมส่งผลให้บ้านเรือนกว่า 560,000 ครัวเรือนถูกน้ำท่วม ถนน ระบบไฟฟ้า และสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายจุดไม่สามารถใช้งานได้ ปริมาณน้ำที่ท่วมสูงในพื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น บ้านพรุ หาดใหญ่ใน และบางโซนกลางเมือง ส่งผลให้กิจกรรมในชีวิตประจำวันแทบหยุดลง ความเสียหายรวมประเมินมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบโดยตรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่อย่างกว้างขวาง

คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ณ ครึ่งแรกของปี 2568 หาดใหญ่มีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการขายรวม 128 โครงการ มูลค่ารวมราว 41,560 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรรถึง 116 โครงการ 6,735 ยูนิต มูลค่ารวม 29,807 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 12 โครงการ 4,369 ยูนิต มูลค่า 11,753 ล้านบาท เหตุการณ์น้ำท่วมทำให้โครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมากได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะบ้านชั้นเดียว ตั้งแต่บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ไปจนถึงทาวน์เฮ้าส์ ที่โครงสร้างภายในบ้าน วัสดุปิดผิว และระบบสาธารณูปโภคภายในเสียหายหนัก จำเป็นต้องซ่อมแซมทั้งระบบไฟฟ้าและประปา

 

สำหรับคอนโดมิเนียม มีหลายโครงการที่น้ำท่วมถึงชั้นล่าง พื้นที่ส่วนกลาง และลานจอดรถ ซึ่งทำให้การใช้งานไม่สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในทันที และยังสร้างแรงกระเพื่อมด้านความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ปล่อยเช่า ต้องเผชิญค่าใช้จ่ายซ่อมแซมเพิ่มเติม อีกทั้งยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงด้านทำเลและภูมิศาสตร์ของเมืองหาดใหญ่ที่มีหลายโซนอยู่ในพื้นที่รับน้ำและมีแนวโน้มเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ซ้ำ

ข้อมูลของคอลลิเออร์สยังระบุว่า ตลาดบ้านจัดสรรในหาดใหญ่ยังคงเป็นเซ็กเมนต์หลัก มีบ้านเดี่ยวมากที่สุดถึง 2,949 ยูนิต หรือคิดเป็น 43.7% ของอุปทานทั้งหมด รองลงมาคือทาวน์เฮ้าส์ 1,644 ยูนิต และบ้านแฝด 1,411 ยูนิต โดยยอดขายรวมของตลาดอยู่ที่ 4,760 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 70.7% ของอุปทานทั้งหมด สะท้อนว่าตลาดมีความต้องการแท้จริงแต่ต้องเผชิญโจทย์ใหม่ด้านการออกแบบและการบริหารความเสี่ยงน้ำท่วม

คอลลิเออร์สชี้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คือบทเรียนสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องนำไปปรับใช้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับโครงสร้างและระบบป้องกันน้ำท่วมมากกว่าเดิม ตั้งแต่การยกพื้นชั้นล่าง การใช้วัสดุที่ทนต่อน้ำ การปรับระบบระบายน้ำภายในโครงการ ไปจนถึงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถฟื้นฟูได้เร็ว ในกรณีคอนโดมิเนียม อาจต้องออกแบบบริเวณชั้นล่างให้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์แทนยูนิตพักอาศัย รวมถึงยกระบบไฟฟ้าเหนือระดับน้ำสูงสุดเพื่อป้องกันความเสียหายซ้ำซ้อน

นอกจากนี้ พื้นที่เสี่ยงสูงในลุ่มต่ำ เช่น บ้านพรุ หาดใหญ่ใน และพื้นที่ชานเมืองบางจุด จะต้องมีกระบวนการประเมินความเสี่ยงที่รัดกุมมากขึ้น ในขณะที่พื้นที่เนินหรือพื้นที่สูงยังเป็นโซนที่เหมาะกับการพัฒนาโครงการ แต่ต้องคำนึงถึงระบบสาธารณูปโภค การเข้าถึง และผลกระทบด้านการเดินทางควบคู่กันไป

แม้เหตุการณ์น้ำท่วมจะสร้างผลกระทบวงกว้าง แต่คอลลิเออร์สมองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์หาดใหญ่ยังมีศักยภาพระยะยาว เห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางยังเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ตอนบน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาในอนาคตต้องปรับให้เท่าทันความเสี่ยงภัยธรรมชาติ เพื่อสร้างเสถียรภาพและความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อและนักลงทุนในระยะยาว