ต้นทุนก่อสร้างบ้านพุ่งต่อเนื่อง REIC ชี้ค่าแรงงานเพิ่ม 7.9%

13 พ.ย. 2568 | 10:40 น.

REIC ายงานดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 143.2 เพิ่มขึ้น 1.5% จากไตรมาสก่อน และ 2.8% จากปีก่อน สะท้อนต้นทุนก่อสร้างขยับตามค่าแรง

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดเผยวิเคราะห์ “ดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาส 3 ปี 2568” พบว่า ดัชนีล่าสุดอยู่ที่ระดับ 143.2 จุด เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แสดงให้เห็นว่าต้นทุนค่าก่อสร้างบ้านในตลาดยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หมวดงานออกแบบก่อสร้างและระบบ

เมื่อแยกพิจารณารายหมวด พบว่า งานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสาร เป็นหมวดที่มีการปรับขึ้นมากที่สุดจากปีก่อน เพิ่ม 7.6% (YoY) แต่ลดลงเล็กน้อย 0.7% (QoQ) ขณะที่ งานสถาปัตยกรรม ขยับขึ้น 3.2% (YoY) และ 1.5% (QoQ) ส่วน งานวิศวกรรมโครงสร้าง ปรับเพิ่ม 1.3% (YoY) และ 2.0% (QoQ) ขณะที่ งานระบบสุขาภิบาล ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงก่อนหน้า โดยหมวดนี้มีสัดส่วนรวมกว่า 26% ของต้นทุนงานก่อสร้างทั้งหมด

หมวดวัสดุก่อสร้าง

ในส่วนของวัสดุก่อสร้าง พบว่า กระเบื้อง มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด 6.1% จากปีก่อน รองลงมาคือ อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา เพิ่ม 5.6%, ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่ม 1.1% ส่วน เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ราคาลดลง 4.8%, สุขภัณฑ์ ลดลงมากสุดถึง 8.3%, ขณะที่ วัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ลดลง 2.5%

ทั้งนี้ หมวดวัสดุก่อสร้างถือเป็นต้นทุนหลักที่มีน้ำหนักมากที่สุด โดย ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้คิดเป็นสัดส่วน 29% ของหมวดนี้ ตามด้วยวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ 41.1%, อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา 6.3% และกระเบื้อง 6.1%

หมวดแรงงาน

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันต้นทุนก่อสร้างให้เพิ่มขึ้น คือ ค่าแรงงาน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการประกาศปรับขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน จากเดิม 363 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ทำให้ต้นทุนแรงงานในโครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้นตาม

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดัชนีราคาค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในทุกหมวด สะท้อนถึงแรงกดดันด้านต้นทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการบ้านจัดสรรและผู้รับเหมาก่อสร้างที่ต้องบริหารต้นทุนให้เหมาะสม ขณะที่ REIC ประเมินว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งล่าสุดอาจยังส่งผลต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2569

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ยังคงใช้ปี 2553 เป็นปีฐาน ในการคำนวณดัชนี โดยมีการจัดเก็บข้อมูลต้นทุนจากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำคัญสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ นักพัฒนาโครงการ และหน่วยงานรัฐในการวางแผนนโยบายด้านที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ