วิธีเลือกซื้อคอนโด เพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนทำกำไรดี

25 มิ.ย. 2568 | 22:47 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2568 | 02:52 น.

วิธีเลือกซื้อคอนโด เพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนทำกำไรที่ดี คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน เลือกทำเลที่น่าสนใจ แนวรถไฟฟ้า ใกล้แหล่งงาน สถานศึกษา

 

การเลือกซื้อคอนโดเพื่อการลงทุนและให้ผลตอบแทนที่ดี จำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัยอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถปล่อยเช่าได้ง่าย และขายต่อได้กำไรในอนาคต โดยมีแนวทางที่ควรพิจารณาดังนี้

วิธีลงทุนคอนโด

1. ทำเลที่ตั้ง (Location is King)

  • ใกล้รถไฟฟ้า (BTS/MRT) เดินไม่เกิน 500 เมตร จะปล่อยเช่าง่ายกว่ามาก
  • ย่านที่มีดีมานด์สูง เช่น สุขุมวิท, สาทร, อโศก, ลาดพร้าว, รัชดา, บางนา
  • ใกล้สถานศึกษา/โรงพยาบาล/แหล่งงาน/ห้างฯ จะดึงดูดทั้งผู้เช่าและผู้ซื้อในอนาคต
  • ดูแนวโน้มโครงการสาธารณูปโภคในอนาคต เช่น รถไฟฟ้าเส้นใหม่, ทางด่วน

 

2. ราคาซื้อ & ศักยภาพการเติบโต

  • ตรวจสอบราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.ของย่านนั้น และเปรียบเทียบกับโครงการใกล้เคียง
  • วิเคราะห์แนวโน้มราคาย้อนหลัง 5 ปี เพื่อดูศักยภาพการเติบโตของมูลค่า
  • อย่าซื้อแพงเกินไปตั้งแต่ต้น ควรมี "margin of safety" (ราคาต่ำกว่าค่าเช่าหรือราคาตลาด 10-15%)

3. อัตราผลตอบแทน (Rental Yield)

  • คำนวณ Rental Yield = ค่าเช่ารายปี / ราคาซื้อ x 100
  • Yield ที่ดีควรอยู่ที่ 5–8% ต่อปี
  • ตรวจสอบว่าในพื้นที่นั้นมี Demand ผู้เช่าเพียงพอหรือไม่ เช่น กลุ่มนักศึกษา, พนักงานออฟฟิศ, ชาวต่างชาติ

4. ลักษณะของห้อง

  • ขนาด 25-35 ตร.ม. (1 ห้องนอน) เป็นที่นิยมที่สุด ปล่อยเช่าง่าย
  • มีแปลนห้องที่ลงตัว ไม่อึดอัด วิวดี แดดไม่ร้อน
  • ชั้นกลางถึงสูง (ถ้าไม่ติดเรื่องราคา) มักเป็นที่นิยมมากกว่า
  • ทิศเหนือ/ตะวันออกเย็นกว่า ไม่ร้อนช่วงบ่าย

 5. โครงการและผู้พัฒนา

  • เลือก Developer ที่มีชื่อเสียง คุณภาพงานดี และบริการหลังการขายดี
  • ดูรีวิวจากผู้ซื้อ-ผู้เช่าจริง เช่น ใน Pantip, Facebook Group, Google Review
  • เลือกโครงการที่มี Facility ครบ สะอาด และบริหารนิติบุคคลดี

6. ค่าบริหารจัดการและค่าส่วนกลาง

  • ค่าส่วนกลางไม่ควรสูงเกินไป (ปกติประมาณ 40–60 บาท/ตร.ม./เดือน)
  • ตรวจสอบว่านิติบุคคลดูแลดีหรือไม่ มีปัญหาเรื่องการเงินหรือเปล่า

 7. ความสามารถในการขายต่อ (Resale Potential)

  • เลือกห้องที่เป็น “Type ยอดนิยม” เพราะขายต่อได้ง่าย
  • อยู่ในโครงการที่มีประวัติราคาขึ้นต่อเนื่อง
  • มีห้องแบบเดียวกันไม่มากเกินไป (ความพิเศษช่วยเพิ่มมูลค่า)

 8. ข้อกฎหมายและภาษี

  • ตรวจสอบสัญญาจะซื้อจะขายให้รอบคอบ
  • พิจารณาค่าธรรมเนียมโอน, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, ภาษีรายได้จากค่าเช่า ฯลฯ
  • หากจะปล่อยเช่าระยะสั้น ต้องศึกษาข้อกฎหมายด้วย