ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดเผยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดยสำรวจจาก 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม พบว่า แม้ภาพรวมยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่ลดลงกว่า 21.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บางทำเลกลับมีความเคลื่อนไหวเชิงบวก โดยเฉพาะกลุ่มโครงการอาคารชุดและบ้านจัดสรรที่เปิดใหม่ในพื้นที่มีศักยภาพ ส่งผลให้มีอัตราการดูดซับที่ดีขึ้น
ตลาดที่อยู่อาศํยในภาพรวม มีที่อยู่อาศัยพร้อมขายในทั้ง 5 จังหวัดรวม 14,592 หน่วย มูลค่ารวม 51,628 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 10,327 หน่วย มูลค่า 40,086 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4,265 หน่วย มูลค่า 11,542 ล้านบาท โดยยอดขายใหม่รวมอยู่ที่ 1,737 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 5,714 ล้านบาท ซึ่งลดลง 29.5%
หากพิจารณาเป็นรายจังหวัด นครราชสีมา (โคราช) ยังคงเป็นจังหวัดที่มียอดขายใหม่บ้านแนวราบสูงที่สุดที่ 372 หน่วย มูลค่า 1,482 ล้านบาท ขณะที่ขอนแก่นมียอดขายอาคารชุดสูงสุดที่ 366 หน่วย มูลค่า 781 ล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการซื้อในเมืองศูนย์กลางธุรกิจและการศึกษา
จังหวัดอุดรธานีถือเป็นจังหวัดที่มีแนวโน้มคึกคักเช่นกัน โดยในช่วงครึ่งหลังปีมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่มากถึง 573 หน่วย เพิ่มขึ้นกว่า 1,600% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ยอดขายใหม่เพิ่มขึ้น 181% รวมถึงมูลค่าการขายเพิ่มขึ้นเกือบ 118% มูลค่าแตะ 1,282 ล้านบาท
สำหรับขอนแก่นแม้ยอดขายรวมจะลดลง 29.4% แต่ยังครองตำแหน่งเมืองศูนย์กลางที่มียอดเปิดขายอาคารชุดใหม่ใกล้เคียงกับอุดรธานี ขณะที่มหาสารคามและอุบลราชธานียังคงทรงตัว และมีบางโซนที่ยังมีอุปสงค์เติบโต
สำหรับซัพพลายเหลือขายรวมในพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัด มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10.3% อยู่ที่ 12,855 หน่วย มูลค่า 45,914 ล้านบาท โดยโคราชมียอดบ้านแนวราบเหลือขายสูงสุดกว่า 4,147 หน่วย ส่วนขอนแก่นมียอดคอนโดเหลือขายมากที่สุด 2,223 หน่วย สะท้อนถึงการพัฒนาโครงการที่นำหน้าการดูดซับของตลาดในบางพื้นที่
ในภาพรวม แม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากภาวะตลาดชะลอตัว แต่การขยายตัวของดีมานด์ในบางจังหวัดสำคัญที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การศึกษา และการแพทย์ ยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ช่วยพยุงตลาดให้ทรงตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาฯ แนวราบ และคอนโดมิเนียมในทำเลที่มีความต้องการเฉพาะกลุ่มสูง