บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เผยวิสัยทัศน์สำหรับปี 2568 ที่มุ่งปฏิวัติอุตสาหกรรมรับสร้างบ้านไทยด้วยนวัตกรรมบ้านป้องกันฝุ่น PM 2.5 ชู 3 แบรนด์เรือธงรุกตลาดปีนี้ พร้อมสร้างระบบนิเวศธุรกิจรับสร้างบ้านครบวงจร ตั้งเป้ายอดขายทะยานสู่ 2,700 ล้านบาท
นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2567 ที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์โดยรวม แลนดี้ โฮม ยังคงรักษาการเติบโตด้วยยอดขายรวม 2,200 ล้านบาท
ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการปรับตัว และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจและความไว้วางใจจากลูกค้า โดยมีสัดส่วนยอดขายในแต่ละแบรนด์ ดังนี้ Landy Grand บ้านหรู คิดเป็น 30% ของยอดขาย Landy Home บ้านขนาดกลาง คิดเป็น 45% ของยอดขาย และ Trendy Home บ้านขนาดเล็ก คิดเป็น 25% ของยอดขาย
โดยภาพตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2567 มีมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท ลดลงจาก 12,000 ล้านบาทในปี 2566 เนื่องจากปัจจัยลบ เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และต้นทุนวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม แลนดี้ โฮม ได้ปรับกลยุทธ์โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาดได้ดียิ่งขึ้น
โดยแลนดี้ โฮม จะยังคงมุ่งนำ AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อมาใช้ในกระบวนการออกแบบผ่าน AI Design System เพื่อสร้างบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า พร้อมนำนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น ระบบเติมอากาศ CAP+ และพลังงานสะอาด CJ Sun มาสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด “Green Living & ESG” ประกอบด้วย
ซึ่ง AI ได้ถูกนำมาใช้ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การพัฒนา FAQ อัจฉริยะ การออกแบบ Graphic & Visual Content ไปจนถึงการประเมินต้นทุนก่อสร้างและวัสดุ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
สำหรับปี 2568 แลนดี้ โฮม ยังคงเดินหน้ารุกตลาดด้วย 3 แบรนด์หลักที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ได้แก่
โดยทั้ง 3 แบรนด์จะชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง ระบบบ้านอัจฉริยะ และการออกแบบที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
ทั้งนี้ สำหรับปี 2568 แลนดี้ โฮม ตั้งเป้ายอดขาย 2,700 ล้านบาท โดยเน้นขยายฐานลูกค้า เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ เพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้างผ่านโรงงาน NOVA Modular ส่งเสริมบ้านแนวคิด Green Living และนำ AI มาใช้ในทุกกระบวนการ
ตั้งแต่การออกแบบ วิเคราะห์ตลาด ไปจนถึงการบริหารโครงการ เชื่อว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมรับสร้างบ้านครั้งนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และสร้างมาตรฐานใหม่ที่ยั่งยืนในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยต่อไป