วีบียอนด์ จ่อยื่นไฟล์ลิ่ง 28 พ.ค.นี้ คาดพร้อมเปิด IPO 230 ล้านหุ้นในปีนี้

21 พ.ค. 2567 | 08:21 น.

วีบียอนด์ เตรียมยื่นไฟล์ลิ่ง ก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) 28 พฤษภาคมนี้ คาดพร้อมเปิด IPO ระดมทุน 230 ล้านหุ้นภายในปีนี้ หวังเพิ่มศักยภาพธุรกิจรองรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ

นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า รายได้ของวีบียอนด์ในปี 2566 ที่ผ่านมา มูลค่าราว 300 ล้านบาท กำไรทั้งสิ้น 112 ล้านบาท นับว่าสูงสุดตั้งแต่เปิดบริษัทเมื่อปี 2557 และวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ วีบียอนด์ เตรียมที่จะยื่นข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก

โดยมีจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดที่เสนอขายให้นักลงทุนครั้งนี้จำนวน 230 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

วรเดช รุกพันธ์

โดยมองเห็นโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 3 ไตรมาสในปี 2567 เนื่องจากมีแนวโน้มโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี เป็นผลดีมาจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ที่ออกโดยภาครัฐ และยังคาดกว่าจะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากต่างชาติออกมาอีกในอนาคต และมีเป้าหมายสำคัญในการระดมทุนเพื่อการขยายศักยภาพธุรกิจ

เพิ่มจำนวนสต๊อกสินค้ารอขาย ด้วยว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายจะครบวาระชำระหุ้นกู้ในปีนี้ ทำให้ผู้ประกอบการจะเร่งขายสต็อกสินค้า เพิ่มกระแสเงินสด จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ขยายศักยภาพทางการเงินของบริษัท เพื่อเพิ่มสต๊อกสินค้าราคาดี ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ไปจนถึงไตรมาสแรกปีหน้า

ทั้งนี้ ในปี 2567 วีบียอนด์มีเป้าหมายกำไรอยู่ที่ 300% คาดการณ์รายได้ราว 1,000% จากปีก่อน โดยในขณะนี้มีสต็อกอสังหาฯ ขายแล้วรอโอนกรรมสิทธิ์มูลค่าราว 4-5 พันล้านบาท และสินค้าบ้านมือสองในสต็อกประมาณ 100 ยูนิต มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มสต็อกสินค้าบ้านมือสองให้เป็น 700 ยูนิต และเป้าหมายระยะยาวภายใน 5 ปี ในการชิงส่วนแบ่งทางการตลาดธุรกิจบ้านใหม่ 3% มูลค่าราว 2.4 หมื่นล้าน ด้านธุรกิจบ้านมือสองมีการตั้งเป้าส่วนแบ่งอยู่ที่ 3% เช่นกัน

นอกจากนี้ วีบียอนด์ยังคาดการณ์อัตราการปฏิเสธสินเชื่อโดยสถาบันการเงินจะสูงขึ้น จึงได้ร่วมมือกับธุรกิจเกี่ยวกับเช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ที่มีเงินทุนสำหรับปล่อยเช่าให้กับลูกค้าราว 3-4 พันล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพอิสระ และมีศักยภาพในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยวางเงินดาวน์ 10-20% จากนั้นก็ผ่อนกับ Wealth Investment ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 8-15% เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นสามารถดำเนินการยื่นเรื่องกู้กับสถาบันการเงินต่อไปได้