ภูเก็ต ฮอต คอนโด-บ้านพักตากอากาศหรู เปิดขายใหม่ทะลัก หมื่นยูนิต กว่าแสนล้าน

06 ก.พ. 2567 | 09:27 น.

คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดผลวิจัย "ภูเก็ต" ฮอต คอนโด-บ้านพักตากอากาศหรู เปิดขายใหม่ทะลักหมื่นยูนิตมูลค่ากว่า แสนล้าน สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ รับท่องเที่ยวฟื้น ต่างชาติเดินทางกลับมา

 

หลังเปิดประเทศในปี 2565 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และส่วนใหญ่เลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางแรกของการท่องเที่ยว หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นโดยพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 8 ล้านคนเดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตในปีที่ผ่านมา และพบว่านักท่องเที่ยวจากรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย ฮ่องกง และจีน เป็นชาติที่เดินทางเข้าสู่เกาะภูเก็ตมากที่สุดในปีที่ผ่านมา

ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ปรับตัวดีขึ้นแบบก้าวกระโดดหลังจากผู้พัฒนาต้องพบเจอกับช่วงเวลาอันเลวร้ายในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร  คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่าอุปทานเปิดขายใหม่เกือบ 10,000 ยูนิตเข้าสู่ตลาดทั้งในส่วนคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 100,000 ล้านบาท

ถือว่าเป็นตัวเลขอุปทานเปิดขายใหม่ที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของจังหวัดภูเก็ต โดยพบว่า ผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานครและผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ต่างพากันเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่างคึกคักและหลายโครงการสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วบางโครงการสามารถปิดการขายทั้งโครงการในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนหลังจากการเปิดการขายเท่านั้น และหลายโครงการยูนิตขายถูกดูดซับออกไปด้วยกำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะกำลังซื้อรัสเซีย

ภูเก็ตฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะทำเลย่าน บางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่าเป็นทำเลยอดนิยมที่กำลังซื้อต่างชาติและกำลังซื้อไทยให้ความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างสูง พบว่าในบางโครงการสามารถปล่อยเช่าได้สูงกว่า 1,000-1,200 บาทต่อตารางเมตร

เทียบเท่ากับการลงทุนในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน  จากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้ราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตมีการปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะทำเลยอดนิยม คือ ในพื้นที่บางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่า โดยพบว่าที่ดินที่อยู่ในระยะที่ห่างไกลจากทะเลมีราคาเสนอขายอยู่ที่ประมาณไร่ละ 25-40 ล้านบาท  และที่ดินที่ใกล้ทะเลหรือติดชายหาดสำคัญๆ พบว่ามีราคาเสนอขายที่สูงกว่า 100 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งจากราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้พัฒนารายเล็กๆ ในพื้นที่หาที่ดินนำมาพัฒนาโครงการใหม่ได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่สามารถสู่กับผู้พัฒนารายใหญ่ที่มีต้นทุนที่ดีกว่าได้

คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เกาะภูเก็ตจะยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่องในปี2567  ผู้พัฒนารายใหญ่ทั้งจากกรุงเทพมหานครและผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ยังมองเห็นโอกาสการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งพบว่า Branded Residence โครงการใหญ่

เช่นโครงการ The Standard Residences Phuket Bangtao รวมถึงผู้พัฒนารายใหญ่อีกเป็นจำนวนมากต่างรอการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างคึกคักในปีนี้ โดยเฉพาะทำเลย่าน บางเทา เชิงทะเล พื้นที่โดยรอบลากูน่า และทำเลย่านหาดกมลาที่โครงการใหญ่ที่เคยหยุดการขายชั่วคราวในช่วงก่อนหน้ามีการปรับรูปแบบการพัฒนาและกลับมาขายอีกครั้งบางยูนิตขายอาจมีราคาสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อยูนิต เป็นต้น ถือว่าเป็นทำเลที่โดดเด่นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาของตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศในจังหวัดภูเก็ต

สำหรับอุปทานเปิดขายใหม่ของบ้านพักตากอากาศในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในปี2566 ที่ผ่านมาเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน โดยพบว่ามีอุปทานเปิดขายใหม่ของบ้านพักตากอากาศมากถึง 61โครงการ จำนวน 1,108 ยูนิต ด้วยมูลค่าการพัฒนารวมกว่า 51,002 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอุปทานเปิดขายใหม่ที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของจังหวัดภูเก็ตเช่นเดียวกัน และส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาะ

โดยเฉพาะทำเลย่านบางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่า เป็นต้น สำหรับทำเลย่านบางเทา และเชิงทะเลในปีที่ผ่านมา ผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ เช่น บมจ. ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล  รวมถึงผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานคร เช่น บมจ. แสนสิริ,  บมจ.  แอสเซทไวส์, บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บจ. ฮาบิแทท กรุ๊ป รวมถึง บมจ. ไซมิส แอสเสท ให้ความสนใจเข้าไปพัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศบนทำเลย่านนี้เป็นครั้งแรก และหลายโครงการได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกำลังซื้อรัสเซีย เป็นต้น

สำหรับภาพรวมตลาดบ้านพักตากอากาศในพื้นที่เกาะภูเก็ต ณ สิ้นปี 2566 พบว่า มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด  107 โครงการ ด้วยยูนิตขายทั้งหมด 2,316 ยูนิต  และสามารถขายออกไปแล้ว 1,220 ยูนิต เหลือยูนิตรอการขาย 1,096 ยูนิต โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 98.00 เป็นประเภทบ้านเดี่ยว และอยู่ในช่วงราคาต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อยูนิตเป็นส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 39.89 %ตามมาด้วยในช่วงระดับราคา 30-50 ล้านบาทที่สัดส่วน 38.21% และช่วงระดับราคา 50-70 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 10.45 %และพบว่ามากกว่า 46.07 %เป็นรูปแบบ 3 ห้องนอนและมีขนาดพื้นที่ใช้สอยในช่วง 300-500 ตารางเมตร

ตลาดบ้านพักตากอากาศในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ความสนใจจากกำลังซื้อต่างชาติเป็นอย่างมาก รวมถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยทั้งจากกรุงเทพมหานครและคนไทยในพื้นที่ ลูกค้าจากประเทศกลุ่มยุโรป เช่น เยอรมัน เดนมาร์ก และกำลังซื้อจากชาติในกลุ่มเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ เป็นต้น

ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่าโครงการบ้านพักตากอากาศหลายโครงการสามารถปิดยอดการขายได้มากกว่า 80% เพียงแค่ในช่วงเวลาสั่นๆ หลังจากการเปิดขายเท่านั้น และส่วนใหญ่ถูกเหมาซื้อไปโดยกำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารัสเซีย ทั้งที่ซื้อเพื่อการลงทุนและการอยู่อาศัย