ออริจิ้น กวาดยอดโอน Q3/2566 ทะลุ 6,300 ล้าน ลุย ต่อบ้าน-คอนโดใหม่12โครงการ

20 พ.ย. 2566 | 01:39 น.

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กางผลประกอบการ Q3/2566กวาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งโครงการ JV และ Non-JV กว่า 6,300 ล้าน โต 43% กำไรสุทธิ 1,000ล้าน เติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก

 

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประกาศผลดำเนินงาน ไตรมาส3และแผนลงทุนโครงการใหม่ในไตรมาส4ต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจับลบทั้งภายในและภายนอกที่ต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ความได้เปรียบของค่ายใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จเกิดจากความเชื่อมั่นในแบรนด์  การผลิตสินค้า รวมถึงการบริการตอบโจทย์ ตามที่ลูกค้าต้องการ  เช่นเดียวกับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน) หรือ ORI  ประกาศ ผลการดำเนินงาน สามารถกวาดยอดโอน และกำไรสุทธิ เติบโตเกินความคาดหมาย

 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ORI “ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม - กันยายน 2566)บริษัทมีกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยทั้งจากกลุ่มโครงการที่ไม่ได้ร่วมทุน (Non-JV) และ โครงการร่วมทุน (JV) รวมกันกว่า 6,359 ล้านบาทเติบโต 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2566 ที่ 1,000.4 ล้านบาท เติบโต18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

พีระพงศ์ จรูญเอก

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะมีปัจจัยภายนอกที่ต้องจับตาหลายอย่างแต่เรายังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในไตรมาสนี้ได้เนื่องจากเราวางรากฐานพอร์ตโฟลิโอกระจายความเสี่ยงให้ครอบคลุมหลากหลายตลาด หลากหลายเซ็กเมนท์มาระยะหนึ่งแล้วรวมถึงมีโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น ที่ทยอยสร้างเสร็จอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565จนถึงช่วงกลางปีนี้

โครงการคอนโดมิเนียม

 

ขณะเดียวกัน การร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งฝั่งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงแรมและคลังสินค้า ทั้งกับกลุ่มพันธมิตรด้านการเงินการลงทุน (InvestmentPartner) และพันธมิตรเจ้าของที่ดินถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญให้บริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยในไตรมาส 3/2566 มีการร่วมทุนใหม่ทั้งกลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรรวมทั้งสิ้น 11 โครงการคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 15,740 ล้านบาทกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศตามแผนงานการเติบโตไม่สิ้นสุดหรือ Origin Infinity

ผลประกอบการและแผนลงทุนใหม่ออริจิ้น

นอกจากนี้ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEOบริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำในเครือยังได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ และ โรงแรมในจังหวัดภูเก็ตเข้ามาเสริมพอร์ตความแข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมด้วยนายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงไตรมาส 4/2566บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรก 4โครงการ ได้แก่ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามคำแหง ทริปเปิ้ล สเตชั่น ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา  บริกซ์ตัน ระยอง  บริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน โดยแต่ละโครงการมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) เฉลี่ยแล้วกว่า 85% และโครงการบ้านจัดสรรทยอยโอนกรรมสิทธิ์ 6 โครงการ ได้แก่ แกรนด์ บริทาเนีย

ทวีวัฒนา  แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน-ประชาอุทิศ  แกรนด์ บริทาเนียชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ บริทาเนีย บางนา-ศรีวารี  บริทาเนีย บางนา-เทพารักษ์  บริทาเนีย ราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงไตรมาส4/2566 ถึง 12 โครงการ กระจายตัวทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจังหวัดหัวเมืองใหญ่มูลค่าโครงการรวมกว่า 15,140 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.โครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRIจำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,150 ล้านบาท

2.โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 4,990 ล้านบาทซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมแกร่งด้านยอดขาย จากที่ช่วง 9 เดือนแรกบริษัทมียอดขายแล้วกว่า 36,937 ล้านบาท หรือราว 82%ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีบริษัทคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายสิ้นปีได้ตามแผนพร้อมส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพ ตอบโจทย์ความสะดวกสบายของการใช้ชีวิต ได้อย่างต่อเนื่องสำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORIมีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย

  • ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 147 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 3/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น(So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์(Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton),ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania)รวมมูลค่าโครงการกว่า 225,495ล้านบาท
  • ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่นโรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
  • ธุรกิจบริการ (Service Business)เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ
  •  ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends)กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯเพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

 

โครงการคอนโดมิเนียมใหม่