อสังหาฯภูเก็ต ฟื้น! สต็อกลด 24% " เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร"เหลือเยอะสุดในภาคใต้

30 มี.ค. 2566 | 12:21 น.

REIC เผย อสังหาฯภูเก็ต ฟื้น เปิดน้อย ขายได้ใหม่เพิ่ม 200% ส่งผลสต็อกรอขายจำนวน ลดลง 24% เหลือ 5,729 หน่วย มูลค่า 30,645 ล้านบาท ขณะ ทำเล " เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร " หน่วยค้างเยอะสุดในภาคใต้

วันที่ 30 มีนาคม 2566 เรียกว่าเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์  ที่มีการฟื้นตัวแรงน่าจับตามาก จากอานิสงส์การเปิดประเทศ และ การกลับเข้ามาของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ สำหรับ "จังหวัดภูเก็ต" ทั้งจากกระแส ชาวรัสเซีย หนีภัยสงคราม เหมาซื้อวิลล่าหรูราคาแพง ขณะราคาที่ดินในบางทำเล ขยับตัว 20-30% จากการเข้าไปปักหมุดแข่งขันช่วงชิงดีมานด์ ทั้งจากผู้พัฒนาโครงการในพื้นที่และรายใหญ่จากกทม.

ล่าสุด ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  (REIC) เปิดเผยว่า จากการสำรวจ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบัน มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 8,238 หน่วย มูลค่า 40,987 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -2.0 และ ร้อยละ -2.4 โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 4,549 หน่วย มูลค่า 22,370 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 3,689 หน่วย มูลค่า 18,617 ล้านบาท 

สต็อกลดฮวบ เหลือ 3 หมื่นล้าน 

โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน 498 หน่วย ลดลงร้อยละ -19.2 มูลค่า 3,323 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.0 ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 2,509 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 207.9 มูลค่า 10,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 172.6 

โดย ทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด  คือ  เกาะแก้ว – รัษฎา (ภูเก็ต)  จำนวน 1,132 หน่วย มูลค่า 4,544 ล้านบาท  และ  หาดในยาง-หาดไม้ขาว (ภูเก็ต)  จำนวน 616 หน่วย มูลค่า 1,951 ล้านบาท รวมไปถึง  หาดบางเทา – หาดสุรินทร์ (ภูเก็ต)  จำนวน 246  หน่วย มูลค่า 1,286 ล้านบาท 

อัตราการขายที่ทยอยดีขึ้น ทำให้ จำนวนหน่วยเหลือขาย 5,729 หน่วย ลดลงร้อยละ -24.5  มูลค่า 30,645 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -19.8  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 (YoY)  
 

ทำเล เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร  สต็อกค้างเยอะสุด 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาภาพรวมการสำรวจทั้งหมดของอสังหาฯภาคใต้ พบ จำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 4 จังหวัดภาคใต้ (จังหวัดภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช ) อันดับ 1 ก็ยังมีการกระจุกตัวอยู่ในจังหวัดภูเก็ต โดยอันดับ 1 เป็นทำเลเทพกระษัตรี-ศรีสุนทร  มี จำนวน 1,523 หน่วย มูลค่า 5,842 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลเกาะแก้ว - รัษฎา (ภูเก็ต) จำนวน 1,069 หน่วย มูลค่า 8,123 ล้านบาท รวมถึงอันดับ 4 ทำเลหาดบางเทา-หาดสุรินทร์ (ภูเก็ต) จำนวน 798 หน่วย มูลค่า 4,444 ล้านบาท  

ทั้งนี้ คาดมาจากช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีการเปิดตัวโครงการเป็นจำนวนมาก ซึ่งแม้ความต้องการจะฟื้นตัวดี โดยเฉพาะ การเข้ามาของชาวต่างชาติ แต่ก็ยังมีหน่วยค้างรอขายอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน