กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา' ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

30 ม.ค. 2566 | 02:28 น.

จาก 'สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส' และ 'ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32' สู่แผนเดิมพันใหญ่ ปั้นบ้านหรู มูลค่ารวมเหยียบ 1 หมื่นล้านบาท ของ สิงห์ เอสเตท เมื่อเศรษฐีไทยรวยทั่วกรุง

27 ม.ค.2566 - เกมการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะตลาดบ้านระดับอัลตราลักชัวรี หรือ คฤหาสน์หรู ราคาขายเริ่มต้น ไล่ตั้งแต่หลัก  80 ล้านบาท ไปจนถึงเริ่ม 100 ล้านบาทต่อหลัง เพื่อเจาะเศรษฐีคนไทย รวยกระฉูดช่วงโควิด ได้ส่งสัญญาณน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แผนธุรกิจของนักพัฒนาที่ดินรายต่างๆทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์

เริ่มตั้งแต่ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ปลุกย่านบางนา ปล่อยหมัดเด็ด  โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดขาย 'มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า' บ้านคลัสเตอร์หลังใหญ่ สนนราคา 185-310 ล้านบาท ทิ้งทวนปี 2565

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ปลุกบ้านหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เทียบเมืองร่ำรวยต่างประเทศ พัฒนาโครงการ “เดอะ คอลเลคชั่น ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด’’ บ้านเดี่ยวแฟลกชิป 11 ยูนิต บนทำเลท้องมังกร 'เจริญนคร'  ด้วยราคาขาย 115-515 ล้านบาท

ขณะ กลุ่ม 'พูลวรลักษณ์' งัดที่ดินกลางเมืองย่านเอกมัย พัฒนาโครงการ “ลาวิสต้า เพรสทีจ วิลเลจ เอกมัย 10” ขายเริ่มต้น 80 ล้านบาท รวมถึง บมจ.โนเบิล เปิดแผนใหญ่ วางเกมบุกเซกเมนท์อัลตราลักชัวรีเต็มสูบ เปิดไฮไลท์ โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ บ้านเดี่ยวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แพงสุด 100 ล้านบาท และ โครงการ โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 กลางทำเล CBD แพงแตะ 80 ล้านบาท ส่วนเนอวานาฯ ปล่อยของ โครงการ เนอวานา คอลเลคชั่น กรุงเทพกรีฑา บ้านใหญ่กว่า 1,000 ตร.ม. กับ ราคาเริ่ม 120 ล้านบาท

อีกทั้งยังต้องรอจับตา การเปิดราคาของโครงการ 'เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์ ' จากผู้พัฒนากลุ่มทุนใหญ่ อย่าง เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) และ บิ๊กมูฟสำคัญของขาใหญ่ บมจ. แสนสิริ ,บมจ.เอสซี และ บมจ.แลนด์แอนเฮ้าส์ อีกด้วย 

ทั้งหมดนี้!! สะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงความหอมหวานของดีมานด์ จนทำให้ผู้พัฒนาทั้งรายเก่าในตลาด และ หน้าใหม่ในวงการเข้ามากระโดดโลดแล่นเข้ามาชิงส่วนแบ่งของตลาด 

จุดเริ่มต้น 'สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส'

อย่างไรก็ดี สปอตไลท์ ยังถูกส่องไปยังกลุ่มทุนใหญ่ ในฐานะเจ้าของแฟล็กชิพโปรเจค ผู้ปลุกปั้นมาตรฐานโครงการบ้านหรู ให้เศรษฐีไทย ภายใต้ชื่อ  'สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส' (SANTIBURI The Residences) บนเนื้อที่รวม 45 ไร่ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม กับบ้านสั่งสร้าง 25 หลัง โดยมีราคาขาย 250 - 360 ล้านบาทต่อหลัง ซึ่งเป็นโครงการที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหลังแพงที่สุดในประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท ทำการเปิดเมื่อปี 2561 ก่อนปิดการขายทั้งหมดในปี 2564 ที่ผ่านมา โดยการพัฒนาของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เครือ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ซึ่งล่าสุด ส่งสัญญาณ เตรียมสร้างตำนานบทใหม่ให้กับตลาดอีกครั้ง

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

ย้อนไปช่วงปี 2565 สิงห์ เอสเตท ประกาศว่า นับหลังจากนี้บริษัท จะปลุกปั้น ธุรกิจที่อยู่อาศัย ชูเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลัก นอกเหนือจากธุรกิจ กลุ่มโรงแรม และ อาคารสำนักงาน หลังได้รับบทเรียนครั้งใหญ่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก 

ซึ่งภายหลังโบกมือลา ขายหุ้นกลุ่ม 'เนอวานา ไดอิ' ซึ่งเคยเป็นหลักในการพัฒนาโครงการแนวราบให้กับบริษัทออกไปแล้ว ก็มีแผนที่จะเจาะตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์อย่างเต็มที พร้อมงบลงทุนเบื้องต้นที่วางไว้กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท สำหรับแผนในระยะ  5 ปี เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2569  สัดส่วนแนวราบต่อแนวสูงที่ 75% และ 25%

คอนโดฯยังเสี่ยง 'บ้านหรู' โอกาสใหญ่

สัญญาณของตลาดคอนโดมิเนียมที่ยังไม่มีภาพฟื้นชัดเจนในทุกระดับราคามากนัก นับตั้งแต่เข้าศักราชใหม่ปี 2566 แม้ขณะนี้ 'ชาวต่างชาติ' ขุมกำลังซื้อสำคัญในการช้อปอสังหาฯไทย จะเริ่มทยอยกลับเข้ามาแล้ว 

แต่อสังหาฯใหญ่รายนี้ ประเมิน ยังไม่ใช่จังหวะในการเข้าไปลุยไฟ แม้ก่อนหน้า มีผลงานการันตี การตอบรับของลูกค้าระดับบน ในโครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ และ ดิ เอส อโศก ก็ตาม ฉะนั้น แผนเป้าหมาย 1 หมื่นล้าน ที่เริ่มขยับได้ อย่าง 'บ้านหรู' จึงยังเป็นเกมรุกที่สำคัญ 

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

ระหว่างการแถลงข่าวเปิดให้ชมโฉมเป็นครั้งแรก ของโครงการ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32” บ้านเดี่ยวหรูสุดอลังการ แผนพัฒนาลำดับที่ 2 ของสิงห์ เอสเตท ที่สร้างปรากฎการณ์ความปังไว้ไม่แตกต่างจาก 'สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส' เพราะไม่ทันเปิดขายอย่างเป็นการ และถูกเลื่อนการเปิดตัวออกมาในช่วงโควิด แต่ผลตอบรับดีเยี่ยม โดยล่าสุด บ้านทั้ง28 หลัง บนพื้นที่ 23 ไร่ ในราคาขาย 80– 180 ล้านบาท มียอดจองสั่งสร้างไปแล้ว 95% หรือ เกือบปิดโครงการ ภายใต้มูลค่าบ้านทั้งหมด 2.9 พันล้านบาท  พร้อม มียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 830 ล้านบาท 

ปรากฎการณ์ความว้าวดังกล่าว ถูกถอดถ่ายออกมาจาก นาย ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย สิงห์ เอสเตท โดยระบุว่า ยอดจองสั่งสร้าง และ ยอดโอนจริงที่เกิดขึ้น สะท้อนได้ว่า ลูกค้ามีความเชื่อมั่นต่อบ้านของสิงห์ เอสเตท แค่ไหน 

อีกทั้งกล่าวว่า  "การทำตลาดในกลุ่ม Super Luxury นั้น เป็นผลต่อเนื่องจากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการระดับ  Ultra Luxury อย่างสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส หลังจากปิดการขายสำเร็จด้วยราคาขายที่แพงสุดในประเทศได้สำเร็จ สะท้อนว่าความเชื่อมั่นในแบรนด์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก 

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

สิ่งที่บริษัทพยายามก็คือ การพัฒนาบ้านแบบ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลาย แต่ก็สร้างความสมดุล และลงตัวสำหรับการพักอาศัย เพื่อให้บ้านเปรียบเสมือนมรดกที่สามารถส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น และยังทรงคุณค่า" 

ขณะนาย ณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงเกมเดิมพันสำคัญในปีนี้ ว่า  โครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นสำคัญของการขยายตลาดเข้าสู่เซ็กเมนท์ใหม่ของสิงห์ เอสเตท โดยในปีนี้เรามีแผนจะขยายตลาดเข้าไปในอีกอย่างน้อย 2-3 เซ็กเมนท์ ด้วยโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยทั้งหมดจะถูกส่งผ่านมาตรฐานสิงห์ เอสเตท ที่ให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องคือ คุณภาพ, ความสุขของครอบครัว และความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน 

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

แม้ความชัดเจนของแผนข้างต้นจะไม่ได้ถูกลงรายละเอียดมากนัก แต่วิเคราะห์ต่อได้ว่า สิงห์ เอสเตท กำลังแสวงหาโอกาสจากฐานลูกค้าเก่า และ ผู้ติดต่อเข้าเยี่ยมชมโครงการที่เข้ามาติดต่อก่อนหน้า ทั้งจากโครงการ 'สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส' และ 'ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส'

โดย 5 โครงการใหม่ มูลค่าเหยียบ 10,000 ล้านบาทของสิงห์เอสเตท จะถูกแบ่งลงลึกไปในแต่ละเซกเม้นท์สำคัญ ตั้งแต่กลุ่มบ้านพรีเมียม 10-20 ล้านบาท ,บ้านลักชัวรี 20-50 ล้านบาท , บ้านระดับซูปเปอร์ลักชัวรี 50 ล้านบาทขึ้นไป และ บ้านอัลตราลักชัวรี ด้วยราคาขายเริ่มต้น 80 ล้านบาท ไปจนถึงเริ่ม 100 ล้านบาท เป็นต้น 

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

ขณะทำเลที่ตั้งนั้น ผู้บริหารคนเดิม แย้มว่า ทั้ง 5 โครงการ จะถูกกระจายครอบคลุมหลายพื้นที่ เน้นโซนตะวันออก ,ตะวันตก ของกทม. โดยโครงการแรกจะเปิดตัวช่วง มี.ค. นี้ ที่สำคัญอยากให้จับตาดู เพราะบางโครงการนั้น อาจมีราคาขายต่อหลัง ทำสถิติใหม่มากกว่า 260 ล้านบาทอีกครั้ง 

มาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัย สิงห์ เอสเตท เอาความมั่นใจมากจากไหน ? ถึงกล้าเตรียมดันโครงการระดับ TOP ราคาขายหลักร้อยล้านบาทต่อหลัง มาเดิมพันกับทิศทางเศรษฐกิจ ที่กำลังจะเข้าถึงความถดถอยและไม่แน่นอนไปทั่้วโลก 

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

ตลาดบ้านระดับบ้าน ตอบรับ ดีมานด์กลุ่มคนรวยขึ้น

ประเด็นดังกล่าว นายณัฐวุฒิ ให้เหตุผลว่า แม้ปีนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังอยู่ในความไม่แน่นอน เพราะปัจจัยที่เอื้อต่อการขายบ้านใหม่ แทบไม่มีเลยในปี 2566 เนื่องจากดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่มนุษย์เงินเดือน รายได้ไม่ได้ไต่ระดับตาม ทำให้การกู้ การผ่อนชำระค่างวดยาวนานขึ้น อีกทั้งสถาบันการเงินมีแนวโน้ม เพิ่มเกณฑ์ที่เข้มงวด เพื่อป้องกันความเสี่ยง 

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

แต่เมื่อพิจารณาถึงการฟื้นตัวของตลาดในรูปแบบ 'K-Shaped' (มีทั้งการฟื้นตัวกลับมาเร็ว และ แย่ลงเรื่อยๆ) ตลาดบนจึงเป็นโอกาส เพราะเป็นตลาดที่อยู่บน K ขาบน 

สิงห์ เอสเตท ยังให้มุมมองเพิ่มเติมว่า ตลาดบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาท ไม่ใช่เพียงแต่จะเติบโตได้ในโอกาสที่ปัจจัยเอื้อมีไม่มากนัก แต่ จากเดิม ตลาดนี้มีสัดส่วนลูกค้า - ดีมานด์ความต้องการที่น้อย ฉะนั้น ยังมีช่วงที่จะโตได้ต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มคนรวย รายได้สูง กระจุกตัวอยู่ ในกทม.เป็นหลัก เป็นแรงหนุน ซึ่งน่าแปลกที่สถานการณ์โควิด19 ทำให้คนกลุ่มนี้ มีกำลังซื้อมากขึ้นด้วยซ้ำ 

"ความน่าสนใจของลูกค้ากลุ่มนี้ คือ กำลังซื้อเพิ่มหรือลด ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วย ดอกเบี้ย เหมือนตลาดล่าง-กลาง แต่เป็นภาวะเศรษฐกิจที่เอื้อต่อธุรกิจเขา จะเห็นได้ว่า เมื่อเศรษฐกิจขยับดี คนกลุ่มนี้ที่เป็นเจ้าของกิจการ ก็จะมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ๆที่เหมาะสมกับฐานะตัวเองในช่วงเวลานั้นๆ" 

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.

ทั้งนี้ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด เคยให้ข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับตลาดบ้านระดับดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ 'สิงห์เอสเตท' ประเมิน ว่า เป็นตลาดที่มีความเฉพาะ และมักถูกตอบสนองโดยผู้มีกำลังซื้อสูง ซึ่งแม้ไม่ได้มีสัดส่วนสูงในตลาดรวมมากนัก แต่เป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุด และ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยราว 30-40% ต่อปี โดยกลุ่มลูกค้าครอบครัวสมัยใหม่ กลายเป็นตลาดที่ผู้พัฒนาฯเห็นโอกาส และมีแนวโน้มเข้ามาเจาะความต้องการมากขึ้น จากคนรุ่นใหม่มีธุรกิจ - รวยเร็ว และเป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุยังน้อย

กลุ่ม 'สิงห์' เดิมพันสูงเปิดเกมรบ 'อสังหา'  ปั้นบ้านหรู เจาะเศรษฐี อีกหมื่นล.