ส่อง"เกาะแรต" เกาะจิ๋ว กลางทะเลใต้ วิถีชาวเล สุราษฎร์ธานี

01 ม.ค. 2565 | 08:43 น.

ส่อง"เกาะแรต" เกาะจิ๋ว กลางทะเล  วิถีประมงชาวเลไทย แหล่งวิถีชาวเล สุราษฎร์ธานีกรมทางหลวงชนบท(ทช.) เป็นผู้ก่อสร้างทางปูน ระยะทาง 500 เมตร เชื่อมระหว่างบ้านแหลมลื่น ตำบลดอนสัก เข้าไปยังเกาะเล็กจิ๋ว


“เกาะแรต” กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อีกแห่ง  ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม้เป็นเกาะขนาดเล็กแต่ สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ด้วยจุดเด่นของเกาะแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  ตั้งอยู่กลางทะเลอ่าวไทย  มหัศจรรย์ด้วยเนื้อที่เพียง500เมตร จึงเป็นแลนด์มาร์ค ที่น่าค้นหา เพราะเป็นเกาะจิ๋วเล็กที่สุดในประเทศไทย เมื่อเดินทางมาถึงจะมีทางปูนทอดยาวยื่นออกไปกลางทะเล เชื่อมระหว่างเกาะแรตเข้าหาแผ่นดินใหญ่

หรือที่เรียกว่า สะพานเฉลิมสิริราช สะพานที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีกรมทางหลวงชนบท(ทช.) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง มีระยะทางประมาณ 500 เมตร เชื่อมระหว่างบ้านแหลมลื่น ตำบลดอนสัก เข้าไปยังเกาะเล็กจิ๋วดังกล่าว

ภาพเพจสำนักประชาสัมพันธ์เขต5กรมประชาสัมพันธ์

เมื่อเดินเข้าถึงตัวหมู่บ้านเกาะแรต จะเห็นบ้านชาวเลปลูกสร้าง สถาปัตยกรรมแบบพื้นถิ่น ตั้งเรียงรายเกาะกลุ่มอยุู่บริเวณ ชายขอบของเกาะ ประมาณ 90 ครัวเรือน  ผู้เฒ่าผู้แก่บนเกาะแห่งนี้เล่าว่า ชุมชนนี้เกิดขึ้นมากว่า 200ปี อาชีพหลักของชาวเกาะแรตคือการทำประมงชายฝั่ง ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน บนเกาะจึงมีศาลเจ้าไหหลำ เพื่อเป็นที่ประกอบพิธีต่าง ๆอย่างประเพณีถือศีลกินเจและแห่เทพเจ้าลุยไฟเป็นงานประจำปี

เกาะแรตตั้งอยู่ ในเขตปกครองของหมู่ที่3ตำบลดอนสักอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี   ห่างจากฝั่งประมาณ 500 เมตร  วันนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือชมโลมา  มีโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักและร่วมกิจกรรมกับชุมชน ซึ่งปัจจุบันเปิดบริการ 8 แห่ง

ด้วยทำเลที่มีทิวทัศน์และธรรมชาติที่สวยงาม สามารถเดินได้รอบเกาะ มองเห็นเกาะต่าง ๆ มากมาย ทั้งเกาะสมุย เกาะนกเภา เกาะพะลวย เกาะหลัก เห็นทิวทัศน์ของแหลมทวดและเจดีย์วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ (วัดพ่อหลวงจ้อย) รวมทั้งเป็นจุดชมดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้นและตกที่สวยงามมาก 

จากความงดงามทางธรรมชาติ ระหว่างท้องทะเลและชุมชนชาวประมง กลมกลืนเข้าด้วยกัน ทำให้กลายเป็นจุดเช็คอินที่ได้รับความนิยม อีกทั้งยังอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้าน ซึ่งเป็นอาหารทะเลสดใหม่ในราคาย่อมเยา พร้อมมีพื้นที่เดินเล่น สะพานริมทะเลชมพระอาทิตย์ตกดิน และยังสามารถนั่งเรือทักทายปลาโลมาสีชมพูได้อีกด้วย

 ตามประวัติ แต่เดิมนั้นเกาะแห่งนี้ไม่มีผู้คน แต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนมีชาวจีนอพยพมาจากเกาะไหหลำแล้วแวะพักที่เกาะแห่งนี้ เมื่อดูว่าเป็นเกาะที่เหมาะสมต่อการตั้งรกราก จึงปักหลักตั้งหมู่บ้านเล็ก ๆ ขึ้น ปัจจุบันจึงจะเห็นว่าประชากรทั้งหมดบนเกาะร้อยละ 85 เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนมาถึงปัจจุบันนั่นเอง 

หลายคนอาจสงสัย ว่าเหตุใด จึงใต้ “ต” จึงมีคำอธิบายว่า เกาะแรต มาจากคำว่า “แรด” ที่สะกดด้วย “ด” ที่หมายถึงชื่อสัตว์ ชาวจีนได้ขนานนามเกาะแห่งนี้ว่า “ฮีเด้ง” หมายถึง ตะเกียงสวรรค์ และต่อมาชาวจีนเขียนด้วย “ต” สะกดแทน “ด” นอกจากนี้ยังมีการสันนิษฐานได้ว่าบริเวณเกาะมีต้นขี้แรดมาก จึงได้ชื่อว่า “เกาะแรต” ดังคำบอกเล่าของชาวบ้านว่ามาจากต้นขี้แรดที่มีอยู่ในชุมชน