เมโสหน้าใส ตัวช่วยสำหรับฟื้นฟูสภาพให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ดูอิ่มฟูฉ่ำน้ำ

ถ้าคุณมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับผิวหน้าเกิดความหมองคล้ำ ดูไม่สดใส และกำลังมองหาวิธีที่ช่วยเร่งในการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก ไม่มีการทำร้ายผิว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเด็ดขาด บทความนี้มีวิธีบำรุงผิวหน้าที่สามารถช่วยคุณได้อย่างตรงจุดนั่นคือ ฉีดเมโสหน้าใส แต่จะได้ตามใจที่ต้องการจริงหรือไม่ มีอันตรายแอบซ่อนอยู่หรือเปล่า ไปชมกันค่ะ
 

ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร?

เมโสหน้าใสใช้ตัวยาที่นิยม มีชื่อว่ามาเด้คอลลาเจน คือ การฉีดสารสกัดจากกลุ่มวิตามินรวมต่างๆเป็นสารบำรุงชนิดสำคัญต่อผิว ฉีดลงไปยังผิวหนังชั้นกลางตรงบนผิวหน้า เพื่อช่วยเร่งกระบวนการผลัดของเซลล์ผิวและช่วยการฟื้นฟู เพื่อซ่อมแซมความเสียหายตรงบริเวณผิวที่เกิดจากสิ่งสกปรก และมลภาวะ ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่างๆ ส่งผลช่วยทำให้ผิวหน้ากลับมากระจ่าง สดใสมากขึ้น
 

คำว่า “เมโส” มีที่มาอย่างไร?

คำว่าเมโส มาจากคำว่า " meso " แปลว่าตรงกลาง ที่หมายถึงการฉีดลงใน “ชั้นกลางของผิว” คือการนำส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมต่างๆ เป็นอีกหนึ่งทางลัด ที่สามารถใช้ตัวยาที่มีการดูดซึมจากการทาได้ยาก มาช่วยทำให้สามารถฉีดเข้าไปในชั้นผิวได้แบบโดยตรง และเร่งการออกฤทธิ์ได้ไวขึ้น จากปกติอาจมีการใช้ระยะเวลาเป็นเดือน  จึงช่วยเร่งทำให้เริ่มเห็นผลได้ภายใน 1 อาทิตย์หลังฉีด

เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

1.ช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิวให้กระจ่างใส

2.ช่วยทำให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาวมากยิ่งขึ้น

3.ช่วยลดรอยจุดด่างดำ ลดสิวอักเสบ ลดฝ้า ลดกระ ให้จางหายไป

4.ช่วยลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวกลับมาเปล่งปลังขึ้นอีกครั้ง

5.ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ให้ผิวมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

 

เมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?

1.เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น

2.เหมาะกับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ดูหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส

3.เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พักผ่อนน้อย นอนดึก

4.เหมาะกับผู้ที่มีจุดด่างดำ ตุ่มสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย

5.เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวดูไม่แข็งแรง

เมโสหน้าใส อันตรายไหม?

หากใช้ตัวยาแท้ได้มาตรฐานอย. ตัวยาที่ใช้จะไม่อันตราย เพราะตัวยาประกอบไปด้วยสารสกัดที่มาจากธรรมชาติอย่าง Homeopathy ที่มีส่วนผสมของวิตามินต่างๆ ที่ช่วยบำรุงผิวหนังและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวแข็งแรงขึ้น
 

เมโสหน้าใส แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?

1.เน้นหน้าขาวใส ที่มีส่วนผสมของวิตามินต่างๆที่ช่วยทำให้หน้าขาวมากขึ้น เช่น vitamin ABCE, Transamin, Glutathione.

2.เน้นหน้าใส ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน และ โคเอนไซม์ เป็นหลัก ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวฟูขึ้น รวมถึงช่วยกระชับรูขุมขนได้อีกด้วย

3.เน้นลดสิว-ลดผื่น ที่ช่วยลดการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากสิว ช่วยเร่งการขับสารพิษที่มีการสะสม ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานได้ปกติ
 

เมโสหน้าใส เจ็บไหม?

การฉีดเมโส ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยาชาช่วยในการรักษา เพราะเป็นหัตถการที่ใช้เวลาสั้นมากๆ คนไข้แทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย ใช้แค่น้ำแข็งประคบเย็นเพื่อช่วยลดบรรเทาความเจ็บก็พอแล้ว
 

เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน?

 การฉีดในทุกๆครั้ง ตัวยาจะออกฤทธิ์ได้นานถึง 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังหัตถการด้วยทุกครั้ง
 

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด vs 16 จุด?

แบบสะกิด คือ การใช้เข็มสะกิดตามผิวหน้าเป็นจุดเล็กๆ ให้ทั่วบริเวณใบหน้า โดยจะสะกิดในผิวชั้นตื้นๆ เพื่อให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิว เป็นการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิวได้ดี

แบบฉีด 16 จุด คือการใช้เข็มฉีด16จุดทั่วใบหน้าตามทิศทางของการไหลเวียนต่อมน้ำเหลือง เพื่อให้วิตามินได้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการฉีดที่เกิดแผลได้น้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า และให้ประสิทธิภาพของตัวยาได้ออกฤทธิ์ยาวนานมากกว่าเดิม
 

เมโสหน้าใส เห็นผลในกี่วัน และต้องทำบ่อยแค่ไหน?

จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน โดยปกติ แพทย์จะมีการแนะนำให้ฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก และหลังจากนั้นควรมีการเว้นระยะฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์เพื่อช่วยคงสภาพผิวที่ดีเอาไว้อย่างยาวนาน
 

ข้อควรระวังในการทำโปรแกรมเมโสหน้าใส?

1.ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรเข้ารับการรักษาโดยหัตถการนี้เด็ดขาด

2.ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ เป็นสิวอักเสบแบบรุนแรง ควรรักษาให้หายก่อนรับบริการ

3.ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเลือด ที่ทำให้เลือดแข็งตัวง่ายรวมถึง มีความดันโลหิตที่ไม่ปกติ

4.ผู้เป็นโรคเบาหวานและต้องมีการฉีดอินซูลินเป็นประจำ

5.ผู้ที่มีประวัติแพ้สารวิตามินทั้งแบบฉีด และ แบบทาน
 

รีวิวการฉีดเมโสหน้าใสอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ

ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

สรุปเมโสหน้าใสปลอดภัยหรือไม่?

การใช้โปรแกรมฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่ประหยัดเวลา สะดวก รวดเร็ว ไม่เจ็บ ไม่ทิ้งรอย ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายต่อผิวหนัง ตัวยาสามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ และหลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ควรฉีดตัวยาเมโสแท้ที่ผ่านอย.เท่านั้น และควรเลือกทำกับคลินิกที่มีแพทย์ประจำเพื่อรับคำปรึกษาก่อนตัดสินใจฉีด