Webull Thailand ครบ 1 ปี เตรียมยก ‘หุ้นไทย’ เสิร์ฟนักลงทุน ตั้งเป้าผู้ใช้แตะ 1 ล้านคน

11 พ.ค. 2568 | 01:55 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ค. 2568 | 05:26 น.

Webull โบรกเกอร์สหรัฐรายแรกในไทย ฉลองครบ 1 ปี เตรียมยก ‘หุ้นไทย’ มาไว้ในแอป เดินหน้าพัฒนาเครื่องมือการลงทุน-ผนึกพาร์ทเนอร์ ดึงผู้ใช้งานแตะ 1 ล้านคน

เทรนด์การลงทุน “หุ้นนอก” ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนไทย ทั้งในด้านศักยภาพและอัตราผลตอบแทนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การลงทุนในหุ้นสหรัฐที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวและมีขั้นตอนซับซ้อนสำหรับนักลงทุนไทยเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ “Webull” ทลายข้อจำกัด ด้วยการเป็นโบรกเกอร์สหรัฐรายแรกที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย

“ชลเดช เขมะรัตนา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวีบูลล์ ประเทศไทย เน้นย้ำว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทในปีที่ผ่านมา ผลักดันให้เกิดความมุ่งมั่นในการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการทางการเงินแบบครบวงจร 

“ปัจจุบัน วีบูลล์เปิดโอกาสให้นักลงทุนในประเทศไทยสามารถลงทุนในหุ้นสหรัฐ, ETFs, ออปชัน และหุ้นเศษส่วนได้ ความสามารถในการลงทุนเหล่านี้ยังมาพร้อมกับข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ เครือข่ายชุมชนนักลงทุน และแหล่งความรู้ด้านการลงทุนที่ครบถ้วน ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายและลงทุนได้ในค่าคอมมิชชันเพียง 0.10%”
 

เตรียมยก ‘หุ้นไทย’ มาไว้ในแอป 

ปัจจุบัน “หุ้นไทย” เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยเป็นอันดับ 2 รองจากหุ้นสหรัฐ ทำให้ในปีนี้ วีบูลล์เตรียมเพิ่มหุ้นไทยทุกสินทรัพย์ ตั้งแต่ SET Index, MAI Index ,DR , DW ยกเว้น TFEX เข้าไปในแพลตฟอร์ม ซึ่งคาดว่าจะพร้อมใช้งานในช่วงเดือนก.ย.68 โดยชลเดชมองว่าช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าลงทุน หลังจากเตรียมความพร้อมมาระยะหนึ่งแล้ว 

ถึงแม้ว่าตลาดการลงทุนในปัจจุบันจะมีการแข่งขันที่เข้มข้น แต่วีบูลล์ยังคงมี “จุดแข็ง” ด้านต้นทุนที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ พร้อมด้วยระบบการซื้อขายที่มีเสถียรภาพสูง และเครื่องมือการลงทุนที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนชาวไทยโดยเฉพาะ ทั้งรูปแบบการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว  

เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนครบวงจร ล่าสุดวีบูลล์ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนนักลงทุนระยะยาวโดยเฉพาะ ได้แก่ “DCA ไม่มีค่าคอมมิชชั่น”  เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการลงทุนด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน ตามเวลาที่กำหนดได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่มีการคิดค่าคอมมิชชั่น ในขั้นต่ำแค่ 5 ดอลลาร์ หรือราว 160 บาทเท่านั้น

การเปิดฟีเจอร์ในครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนไทยได้เปิดประสบการณ์ใหม่ทั้ง 2 ตลาด รวมทั้งการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ไทยและต่างประเทศ ทำให้วีบูลล์ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานและผู้เปิดบัญชีเพิ่มขึ้นเป็น “2 เท่า” จากปัจจุบันมีบัญชีผู้ใช้งานประมาณ 5 แสนบัญชี ซึ่งเปิดบัญชีลงทุนประมาณ 1.3 แสนบัญชี โดยภายในสิ้นปีคาดว่าผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1 ล้านบัญชีและเปิดบัญชีลงทุนประมาณ  3 แสนบัญชี

ครบรอบ 9 ปี Webull

วีบูลล์ เริ่มก่อตั้งในปี 2559 และก้าวสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2561 ภายใต้การบริหารงานของแอนโทนี เดเนียร์ ประธานกลุ่ม Webull Corporation และ CEO ของ Webull US บริษัทได้ ขยายธุรกิจไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐ

ปัจจุบัน วีบูลล์ให้บริการครอบคลุม 14 ประเทศทั่วอเมริกาเหนือ เอเชียแปซิฟิก ยุโรป และลาตินอเมริกา พร้อมฐานผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 23 ล้านบัญชีทั่วโลก

วีบูลล์ เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่ผ่านมา ในฐานะโบรกเกอร์สัญชาติสหรัฐรายแรก ในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประเทศไทย 

สิ่งที่ทำให้วีบูลล์โดดเด่น คือ แพลตฟอร์มการเงินที่ครบครันภายใต้แนวคิด “All-in-Webull” ซึ่งมีอัตราค่าคอมมิชชันเพียง 0.10% พร้อมทั้งการแสดงราคาสินทรัพย์แบบเรียลไทม์และประสบการณ์ใช้งานที่ราบรื่น ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนชาวไทยโดยเฉพาะ จุดยืนที่แข็งแกร่งนี้ส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องของฐานผู้ใช้วีบูลล์ในไทยตลอดปีที่ผ่านมา 

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา วีบูลล์ ประเทศไทย จัดงาน “Webull Money Festival 2025” เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 9 ปีของ Webull Corporation และครบรอบ 1 ปีของการดำเนินงานในประเทศไทย พร้อมทั้งประกาศความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ อย่างเป็นทางการ