งานเข้า“อนุทิน” เจอยื่น กกต.สอบปมกลับมาใช้หนี้ 2,400 บาท เสี่ยงสัญญาว่าจะให้

25 ธ.ค. 2568 | 06:14 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ธ.ค. 2568 | 06:25 น.

“ศรีสุวรรณ”ยื่น กกต.สอบ“อนุทิน” หลังประกาศเวทีภูมิใจไทย จะ “กลับมาใช้หนี้ 2,400 บาท” ให้ประชาชน เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้เพื่อจูงใจคะแนนเสียง หากผิดโทษจำคุก-กถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

KEY

POINTS

  • นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบคำปราศรัยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล
  • ประเด็นที่เป็นปัญหาคือคำพูดที่ระบุว่า “ผมยังติดเงินพี่น้องอยู่ 2,400 บาท ขอให้ผมและพรรคภูมิใจไทย ได้มีโอกาสกลับมาใช้หนี้”
  • ผู้ร้องมองว่าคำพูดดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการ "สัญญาว่าจะให้" เงินเพื่อจูงใจให้ประชาชนลงคะแนนเสียง ซึ่งอาจผิดกฎหมายเลือกตั้ง

วันที่ 25 ธ.ค. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้พิจารณาไต่สวนและสอบสวน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กรณีการกล่าวถ้อยคำบนเวทีแถลงนโยบายพรรค เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซึ่งตอนหนึ่งระบุว่า “ผมยังติดเงินพี่น้องอยู่ 2,400 บาท ขอให้ผมและพรรคภูมิใจไทย ได้มีโอกาสกลับมาใช้หนี้พวกท่านเถอะครับ” 

นายศรีสุวรรณ ระบุว่า คำกล่าวดังกล่าวอาจถูกตีความเป็นการแสดงลักษณะ “สัญญาว่าจะให้เงิน” เพื่อจูงใจให้ประชาชนลงคะแนนเสียง ซึ่งเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 73 (1) ที่ห้ามผู้สมัคร หรือ ผู้ใดเสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือกระทำการใดที่คำนวณเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

นายศรีสุวรรณ ให้เหตุผลว่า ประเด็นดังกล่าวมีองค์ประกอบเสี่ยงเข้าข่ายความผิด เนื่องจาก

-มีการระบุจำนวนเงินชัดเจนต่อราย

-ผูกโยงกับโอกาสกลับมาบริหารประเทศ

-ประชาชนทั่วไปสามารถตีความได้ว่า เลือกแล้วจะได้รับผลประโยชน์ทางการเงิน 

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า แม้ยังไม่มีการแจกเงินจริง หรืออ้างเป็นเพียงแนวนโยบาย แต่หากผู้สมัคร สส. สมาชิกพรรค หรือผู้ช่วยหาเสียง นำข้อความนี้ไปสื่อสารซ้ำในลักษณะสัญญาว่าจะให้ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างเต็มองค์ประกอบ 

จึงขอให้ กกต. ไต่สวนข้อเท็จจริงว่า คำพูดดังกล่าวเข้าลักษณะสัญญาว่าจะให้หรือไม่ และหากพบเข้าข่ายต้องห้าม ให้ดำเนินการตามกฎหมาย มาตรา 158 ซึ่งมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

พร้อมย้ำ หวังให้ กกต.ดำเนินการเที่ยงตรงตามหลัก “สุจริต เที่ยงธรรม และเป็นไปตามกฎหมาย”