ไทยยืนยัน จัดประชุม GBC จันทบุรี หลัง 'กัมพูชา' กลัวไม่ปลอดภัย ขอย้ายไปมาเลฯ

23 ธ.ค. 2568 | 06:56 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2568 | 07:04 น.

กลาโหมกัมพูชาส่งจดหมายขอย้ายเจรจา GBC ไปมาเลเซีย อ้างกังวลความปลอดภัยจากเหตุสู้รบชายแดน ด้านไทยปฏิเสธทันควัน ยืนกรานใช้กลไกทวิภาคีจัดที่จันทบุรี 24 ธ.ค. นี้ เพื่อหาทางหยุดยิง

KEY

POINTS

  • กัมพูชาร้องขอย้ายสถานที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) จากจังหวัดจันทบุรีไปยังประเทศมาเลเซีย โดยอ้างเหตุผลด้านความไม่ปลอดภัยจากสถานการณ์สู้รบ
  • ฝ่ายไทยปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวและยืนยันจะจัดการประชุมที่จังหวัดจันทบุรีตามกำหนดเดิม โดยชี้ว่าควรแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีและพื้นที่จัดงานมีความปลอดภัย
  • ไทยเปิดเผยพฤติกรรมของกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงหลายข้อ เช่น การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล การใช้โบราณสถานเป็นฐานที่มั่น และการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์

สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญในระดับนโยบาย เมื่อกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้แสดงท่าทีไม่มั่นใจในความปลอดภัยของพื้นที่จัดงานฝั่งไทย

โดยรายงานข่าวระบุว่า นายเตีย เซยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ทำจดหมายถึง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เพื่อร้องขอให้มีการย้ายสถานที่จัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)

อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยและความเป็นกลาง

ฝ่ายกัมพูชาเสนอให้ย้ายการเจรจาที่จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 24 ธันวาคม 2568 จากจังหวัดจันทบุรี ไปยัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แทน โดยระบุเหตุผลว่ามีความกังวลต่อสถานการณ์การสู้รบที่ยังคงดำเนินอยู่ตามแนวชายแดน และต้องการให้การหารือเงื่อนไขการหยุดยิงครั้งนี้จัดขึ้นในสถานที่ที่ "ปลอดภัยและเป็นกลาง"

ฝ่ายไทยปฏิเสธทันควัน ยืนกราน "กลไกทวิภาคี"

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าการประชุม GBC จะยังคงจัดขึ้นที่ อ.บ้านแหลม จ.จันทบุรี ตามกำหนดเดิม

พร้อมเน้นย้ำว่าการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศควรดำเนินการผ่าน "กลไกทวิภาคี" ที่มีอยู่เดิม และไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องดึงประเทศที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องหรือย้ายสถานที่ประชุม

ด้าน พลเอกณัฐพลระบุเพิ่มเติมว่า จังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่ที่สถานการณ์นิ่งและมีความปลอดภัยสูง จึงอยากให้ฝ่ายกัมพูชามั่นใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเจรจาครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานการณ์ปะทะรุนแรงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 44 คน (ฝ่ายไทย 23 คน และกัมพูชา 21 คน) และประชาชนกว่า 900,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ตั้งข้อสังเกตถึงความจริงใจของกัมพูชา โดยพลเอกณัฐพลได้เปิดเผย 5 พฤติกรรมที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลง เพื่อให้สังคมโลกได้รับทราบ ได้แก่:

  1. ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา: มีการครอบครอง ผลิต และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ในเขตไทย
  2. ใช้โบราณสถานเป็นฐานที่มั่น: เช่น ปราสาทตาควาย และปราสาทพระวิหาร
  3. ใช้อาวุธหนักในชุมชน: ติดตั้งเครื่องยิงจรวด BM-21 ในพื้นที่พลเรือนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตอบโต้
  4. ใช้อาคารพลเรือนเป็นคลังอาวุธ: รวมถึงใช้เป็นพื้นที่ตั้งของแก๊งสแกมเมอร์และบ่อนกาสิโน
  5. ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์: และใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อโจมตีกองทัพไทยในเวทีโลก

สงครามข้อมูลข่าวสารและล็อบบี้ยิสต์

พลเอกณัฐพลยังตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันไทยกำลังเผชิญกับ สงครามข้อมูลข่าวสาร โดยมองว่านานาชาติมีท่าทีโอนเอียงไปทางกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีการใช้ "ล็อบบี้ยิสต์" ในการสื่อสารระดับสากล ขณะที่ไทยยืนยันจะใช้ความจริงเข้าสู้และยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศตามกฎบัตรสหประชาชาติข้อที่ 51 ในการป้องกันตนเองอย่างได้สัดส่วน