KEY
POINTS
สืบเนื่องจากนายรังสิมันต์ โรม อดีต สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะอดีตประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุว่า ข้อตกลงหรือ MOU ระหว่าง บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ บจ. Prine Opportunity Fund VCC Singaporeกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยเกี่ยวโยง นายเบน สมิธ เครือข่ายสแกรมเมอร์ โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นพยานด้วยนั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร ย่อมกระทำได้ก่อนยุบสภา แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและกลไกที่รัฐธรรมนูญกำหนด
โดยเฉพาะ กมธ.สภาผู้แทนราษฎร รัฐธรรมนูญมาตรา 129 ได้กำหนดสัดส่วนแต่ละพรรคการเมืองไว้หลายคณะ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร และ กมธ.สิ้นสุดลงไปพร้อมกับสมาชิกภาพความเป็น สส. เมื่อนายกรัฐมนตรียุบสภาไปด้วย
พูดภาษาชาวบ้าน คือ เมื่อยุบสภา ทำให้สมาชิกภาพความเป็น สส. สิ้นไป โดย กมธ. แต่ละคณะของสภาผู้แทนราษฎร สิ้นลงไปพร้อมกันด้วย
ขณะมีสมาชิกภาพความเป็น สส.และเป็นฝ่ายค้านกระบวนการตรวจสอบฝ่ายบริหารต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย มิใช่เป็นการเล่นนอกเกม ลักษณะโยนหินถามทาง ตีปลาหน้าไซ เพื่อชี้ว่าคนนั้น คนนี้ เกี่ยวข้องกับกลุ่มเครือข่ายสแกรมเมอร์ทุนเทาข้ามชาติที่ผิดกฎหมาย เข้าทำนองสุภาษิตไทย “ตีหัวแล้วเข้าบ้าน”
กรณีของนายรังสิมันต์ โรม ใช้เทคนิคพูดจาฝ่ายเดียวเพื่อให้สังคมไขว้เขวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นพยานใน MOU ระหว่าง บจ. Prine Opportunity Fund VCC Singapore กับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เกี่ยวข้องกับนายเบน สมิธ เครือข่ายสแกรมเมอร์ โดยนายสุชาติฯ ได้ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยลงนามเป็นพยานใน MOU และไม่เคยเดินทางไปกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในทำนองว่า เป็นเครือข่ายกลุ่มทุนเทา เพื่อทำลายชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ของนายสุชาติฯและอาจมีเจตนาเล็งเห็นได้ว่า สื่อมวลชนจะนำไปลงในช่องอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทำให้ลดความน่าเชื่อถือและด้อยคุณค่า ทำลายกันในทางการเมือง
หากพิจารณา MOU อาจเข้าลักษณะเป็นสัญญาทางปกครองที่เกิดจากหน่วยงานของรัฐ ที่สัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนที่มีลักษณะสัญญาสัมปทาน สัญญาที่จัดทำให้มีการจัดทำบริการสาธารณะหรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เป็นการดำเนินของหน่วยงานระดับกระทรวง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอก
นายสุชาติฯ ไม่เคยไปดำรงตำแหน่งใดๆในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะไปลงนามพยานใน MOU ได้อย่างไร เพราะหากได้ลงนามในช่องพยาน ที่นายรังสิมันต์ โรม ระบุว่า พบตัวละครใหม่ วิธีการพิสูจน์เพียงนายรังสิมันต์ โรม นำสำเนา MOU มาเผยแพร่และ “แสดง” ต่อประชาชน ซึ่งไม่เป็นความลับทางราชการ ย่อมสามารถกระทำได้ แต่หาทำไม่
แต่พฤติกรรมพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น นอกเหนือกระบวนการตรวจสอบตามกฎหมาย แต่กระทำเพื่อสร้างคะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้ง แม้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คู่สัญญาอีกฝ่าย เห็นว่า MOU ผูกขาดและกระทำเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มและอาจเกิดความเสียหายต่อประเทศ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ย่อมใช้อำนาจปกครองในการยกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวได้
แต่การพูดจาให้ร้ายของนายรังสิมันต์ โรม ต่อ นายสุชาติฯ โดยนายรังสิมันต์ โรม พูดจาห้าวหาญไร้เอกสารมาแสดง ด้อยค่าบุคคลอื่น โดยพูดจาข้อความสั้นเกินไป เข้าใจผิดว่า นายสุชาติฯเกี่ยวพันนายเบน สมิธ กลุ่มเครือข่ายแก๊งสแกรมเมอร์ด้วย ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน