หัวหน้าพรรคปชน. เคลื่อนไหวแล้ว หลัง 'ยุบสภา' ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งใหม่

วันนี้ (12 ธ.ค. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรคประชาชน และเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคทันที หลังจากมีการประกาศยุบสภา เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ 

นายณัฐพงษ์ได้กล่าวแถลงต่อสื่อมวลชน โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีความเสียใจใด ๆ ทั้งสิ้น ต่อกระบวนการที่ผ่านมา เนื่องจากกระบวนการโหวตและการตัดสินใจต่าง ๆ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคอย่างรอบด้าน ซึ่งถือเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง และได้ข้อสรุปที่เป็นเสียงส่วนมากว่า "เราจำเป็นต้องทำแบบนี้" เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งในส่วนของการยุบสภาและการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อม ๆ กัน

การกระทำของพรรคตลอดมาคือการทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นข้อตกลง MOA (Memorandum of Agreement) ซึ่งเป็นข้อตกลงที่พรรคพยายามทำอย่างเปิดเผย และระบุว่า ประชาชนคือผู้ที่จะเป็นคนตัดสิน ในคูหาเลือกตั้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

เผยเหตุผลที่ไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในท้ายที่สุด

นายณัฐพงษ์ยังได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยยืนยันว่า ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน พรรคได้ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่ทุกช่องทาง เดิมทีพรรคประชาชนเชื่อว่า หากพรรคภูมิใจไทยยังคงโหวตตามมติคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ความพยายามในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะยังสามารถไปต่อได้

อย่างไรก็ตาม พรรคทราบข้อเท็จจริงตั้งแต่ช่วงเที่ยงของเมื่อวานว่า พรรคภูมิใจไทยจะลงมติอย่างไร และเมื่อพรรคภูมิใจไทยกลับไปโหวตตามกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ซึ่งนำเสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลับมา จึงทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ตามที่หวัง ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีจึงเลือกที่จะยุบสภาในที่สุด นายณัฐพงษ์เน้นย้ำว่า การตัดสินใจที่ผ่านมาไม่ได้พยายามเอาเกมทางการเมืองเป็นตัวตั้ง แต่เอาประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง

ตั้งเป้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า

สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ พรรคประชาชนมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า พรรคมีความเข้มแข็งที่สุดในเรื่องของนโยบาย และมีข้อเสนอที่ดีที่สุดจากการทำงานมาหลายปี รวมถึงทีมผู้บริหารและผู้สมัครที่มีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งหน้า

โจทย์สำคัญเพียงอย่างเดียวของพรรคประชาชนคือ การเอาหลังอิงประชาชน และทำให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อพรรคมากที่สุด เพื่อให้พรรคเติบใหญ่และมีความเข้มแข็งมากพอ เป้าหมายสูงสุดคือการได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่สามารถกำกับทิศทางของรัฐบาลได้อย่างแท้จริง และจะไม่ถูกหักหลังทางการเมือง พรรคเชื่อมั่นว่า หากเข้มแข็งพอด้วยเสียงของประชาชน ก็จะไม่มีใครสามารถหักหลังพรรคได้

นอกจากนี้ การยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ ก็มาพร้อมกับการที่คำถามแรกในการจัดทำประชามติเพื่อเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงผ่านรัฐสภาไปได้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่พรรคเคยเสนอไว้ก่อนหน้านี้ คือการยุบสภาพร้อมไป