อำนาจ “รัฐบาลอนุทิน” หลังยุบสภา เข้าสู่โหมดรักษาการ จำกัดการใช้อำนาจตามกฎหมาย

11 ธ.ค. 2568 | 15:40 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ธ.ค. 2568 | 15:54 น.

หลัง “อนุทิน” ยุบสภา ประเทศเข้าสู่โหมดรัฐบาลรักษาการทันที คณะรัฐมนตรีแม้ยังทำหน้าที่ต่อได้ แต่ถูกจำกัดอำนาจเข้มตามรัฐธรรมนูญ ทั้งการอนุมัติโครงการใหม่ การโยกย้ายข้าราชการ การใช้เงินฉุกเฉิน และการใช้ทรัพยากรของรัฐ เพื่อไม่ให้เกิดการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองในช่วงเลือกตั้ง

ภายหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการทั่วไป

การยุบสภามีขึ้นหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากมีมติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256/28 ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด ส่งผลให้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนนายอนุทินดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยุบสภา หลังพบว่าสมาชิกพรรคภูมิใจไทยลงมติเป็นเสียงข้างมากในประเด็นดังกล่าว

ภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เมื่อมีการยุบสภา คณะรัฐมนตรีถือว่า พ้นจากตำแหน่ง แต่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง แม้รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติชื่อเรียกโดยตรง แต่ในทางวิชาการเรียกว่า “รัฐบาลรักษาการ” (Caretaker Government) ซึ่งยังมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

เพื่อป้องกันมิให้รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีใช้ช่วงรักษาการแสวงหาประโยชน์หรือสร้างความได้เปรียบทางการเมือง รัฐธรรมนูญกำหนด ข้อจำกัดการใช้อำนาจของรัฐบาลรักษาการ ไว้อย่างชัดเจน ได้แก่

1. ไม่อนุมัติงานหรือโครงการใหม่ ที่ก่อให้เกิดภาระผูกพันต่อรัฐบาลชุดใหม่ เว้นแต่กำหนดไว้ในงบประมาณประจำปี

2. ไม่แต่งตั้ง โยกย้าย หรือปลดข้าราชการประจำหรือรัฐวิสาหกิจ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

3. ไม่อนุมัติใช้เงินงบประมาณสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต.

4. ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรรัฐเพื่อกระทำการใดที่มีผลต่อการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ การทำหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการยังต้องสอดคล้องกับหลักความเสมอภาค ความสุจริต และโอกาสที่เท่าเทียมกันของผู้สมัครทุกพรรค ภายใต้ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐ พ.ศ. 2563

หลักการให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป หรือ รัฐบาลรักษาการ เป็นแนวปฏิบัติที่ใช้กันทั่วไปในหลายประเทศ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินต่อเนื่อง และป้องกันการใช้ช่วงรอยต่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง