ปชน.แฉดีลลดค่าทางด่วน 50 บาท แลกยืดสัมปทานข้ามศตวรรษ เอื้อนายทุน

15 พ.ย. 2568 | 08:36 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2568 | 09:02 น.

พรรคประชาชนแฉรัฐบาลดีลยืดสัมปทานทางด่วนข้ามศตวรรษ ถึงปี 2601 แลกลดค่าทางด่วน 50 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ เตือนโครงการ Double Deck มูลค่า 3.48 หมื่นล้าน ไม่คุ้ม-ไม่แก้รถติด

KEY

POINTS

  • พรรคประชาชนคัดค้านการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนถึงปี 2601 โดยชี้ว่า การลดค่าผ่านทาง 50 บาท เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนมากกว่าประชาชน
  • วิจารณ์โครงการทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) ว่าไม่สามารถแก้ปัญหารถติดได้จริง เนื่องจากไม่มีทางลงใหม่ ทำให้การจราจรยังคงแออัด และเปรียบเสมือน "ลานจอดรถลอยฟ้า"
  • ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสของข้อตกลง โดยอ้างว่าอาจมี "วาระลับ" ในการประชุม และมีการพ่วงขยายสัมปทานในเส้นทางที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วย

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงจุดยืนคัดค้านแนวทางรัฐบาลที่เตรียมขยายอายุสัมปทานทางด่วนชั้นที่ 2 หรือโครงการ Double Deck ออกไปยาวข้ามศตวรรษ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2601 รวมเพิ่มอีก 15 ปี 8 เดือน พร้อมตั้งคำถามว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุน ใช้หารายได้เตรียมการเลือกตั้งหรือไม่?

นายสุรเชษฐ์ เผยว่า การลดค่าทางด่วน “ไม่เกิน 50 บาท” ซึ่งรัฐบาลโปรโมตเป็นของขวัญปีใหม่ อาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะถูกนำมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการต่อสัมปทานระยะยาว ทำให้ประชาชนเห็นแค่ “ค่าใช้จ่ายที่ลดลงเพียงช่วงสั้น” แต่ในความเป็นจริง รายได้จากสัมปทานระยะยาว จะไหลเข้าบริษัทเอกชนเพิ่มขึ้นมหาศาล ขณะที่การขึ้นทางด่วนฟรีวันหยุด ก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของข้อตกลงเดิมอยู่แล้ว ไม่ใช่ผลงานใหม่ของรัฐบาลนี้

พร้อมชี้ถึงโครงการก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น มูลค่ากว่า 34,800 ล้านบาท ว่า เป็นการลงทุนที่ “ไม่แก้ปัญหาจริง” เนื่องจากแนวเส้นทางช่วงงามวงศ์วาน–พระราม 9 ไม่มีจุดลงใหม่ ต้องใช้จุดลงร่วมกับทางด่วนชั้นที่ 1 ทำให้ความแออัดไม่ได้รับการแก้ไข และเสมือนสร้าง “ลานจอดรถลอยฟ้าราคาแพง” มากกว่าจะเป็นทางด่วนเพิ่มศักยภาพจราจร

นอกจากนี้ ยังเตือนว่า หากปล่อยให้สัมปทานหมดอายุแล้วกลับคืนรัฐ สามารถบริหารจัดการให้ค่าผ่านทางถูกลงในช่วงกลางคืนได้อยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องต่อสัมปทานยาวถึงศตวรรษหน้า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เส้นทางด่วนสายสีแดงช่วงแจ้งวัฒนะ–บางปะอิน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโครงการ Double Deck ก็ถูกขยายอายุสัมปทานไปด้วยอย่างไม่ชอบมาพากล

นายสุรเชษฐ์ ระบุจุดยืนของพรรคประชาชน ในการคัดค้านดีลนี้ด้วยเหตุผล 4 ข้อ ได้แก่

1.ไม่คุ้มค่า – ประชาชนได้ประโยชน์น้อย แต่เอกชนได้ผลตอบแทนระยะยาว

2. ไม่โปร่งใส – มีสัญญาณซ่อนดีลในระดับคณะกรรมการ PPP

3.ไม่ได้ดีจริง – โครงการไม่ช่วยแก้รถติดตามที่โฆษณา

4.ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลนี้ – รัฐบาลที่มีอายุเพียง 4 เดือน และมีสถานะเป็นรัฐบาล MOA ที่จะสิ้นสุดไม่เกินวันที่ 31 ม.ค. 2569 ไม่ควรทำดีลผูกพันประเทศ จนถึงปี 2601 ควรรอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ยังอ้างข้อมูลจากข้าราชการว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 มี “วาระลับ” ในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) เกี่ยวกับการขยายสัมปทาน และหากผ่าน PPP ก็จะเข้าสู่ ครม. ทันที จึงเรียกร้องให้สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส

สำหรับการหารือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายสุรเชษฐ์ เผยว่า ตนได้สอบถามประเด็นนี้ แต่ได้รับคำตอบลักษณะ “แบ่งรับแบ่งสู้” ไม่ชัดเจน

ท้ายที่สุด นายสุรเชษฐ์ ขอให้ประชาชนติดตามใกล้ชิด เพราะดีลนี้จะส่งผลต่อประเทศยาวนานหลายสิบปี พร้อมเตือนรัฐบาลว่า “ทุกการตัดสินใจ ต้องคิดถึงประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่ผู้ถือสัมปทาน”