มติวุฒิสภาเอกฉันท์ผ่านก.ม.แรงงาน เพิ่มสิทธิ “ลาคลอด 120 วัน"

15 ก.ย. 2568 | 06:50 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2568 | 07:14 น.

วุฒิสภาเอกฉันท์ผ่านร่างพรบ.คุ้มครองแรงงาน ขยายสิทธิลาคลอด 120 วัน เพิ่มสิทธิลาต่อเนื่องกรณีบุตรป่วย 15 วัน คู่สมรสลาช่วยเลี้ยงดูบุตรได้ไม่หักค่าจ้าง

KEY

POINTS

  • วุฒิสภามีมติเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพิ่มสิทธิให้ลูกจ้างหญิงสามารถลาเพื่อคลอดบุตรได้สูงสุด 120 วัน
  • ลูกจ้างชายมีสิทธิลาเพื่อช่วยเหลือภรรยาที่คลอดบุตรได้ 15 วัน โดยยังคงได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน
  • นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างหญิงระหว่างลาคลอดในอัตราปกติ แต่เป็นระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน

วันที่ 15 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยมี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ …) พ.ศ. … เป็นวาระสำคัญ 

ผลการลงมติที่ประชุม เห็นชอบด้วยเสียงเอกฉันท์ 125 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง หลังจากพิจารณารายละเอียดเป็นรายมาตราเสร็จสิ้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงสิทธิแรงงาน โดยมีสาระสำคัญดังนี้

  • สิทธิลาคลอดบุตร: ลูกจ้างหญิงมีสิทธิ ลาคลอดได้ไม่เกิน 120 วัน
  • สิทธิลาต่อเนื่องเพื่อดูแลบุตรป่วย: ในกรณีบุตรมีภาวะเจ็บป่วยที่เสี่ยงโรคแทรกซ้อน มีความผิดปกติ หรือพิการ ให้สิทธิลาต่อเนื่องได้อีกไม่เกิน 15 วัน โดยได้รับค่าจ้าง 50% ของค่าจ้างวันทำงาน
  • สิทธิการลาของคู่สมรส: ลูกจ้างชายสามารถลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตรได้ ไม่เกิน 15 วัน ภายใน 90 วันนับแต่วันคลอดบุตร โดยยังได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนในช่วงวันลา
  • ค่าจ้างระหว่างการลาคลอด: กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างหญิงที่ลาคลอดบุตร เท่ากับอัตราค่าจ้างในวันทำงานตลอดช่วงเวลาลา แต่ไม่เกิน 60 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา

ภายหลังการลงมติ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะดำเนินการส่งร่างกฎหมายเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป เพื่อเตรียมประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ ภายใน 30 วันนับแต่วันประกาศ

การผ่านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานครั้งนี้ ถือเป็นการขยายสิทธิและเพิ่มหลักประกันด้านสวัสดิการแรงงาน โดยเฉพาะการคุ้มครองหญิงตั้งครรภ์ ครอบครัว และ การมีส่วนร่วมของคู่สมรส ซึ่งได้รับการจับตามองจากทั้งภาคแรงงานและภาคธุรกิจว่า จะมีผลต่อการจ้างงานและต้นทุนแรงงานในอนาคตอย่างไร