KEY
POINTS
วันที่ 11 กันยายน 2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีร้องเรียนทุจริตเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ฮั้ว สว.) ว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ร้องเข้ามากว่า 500 เรื่อง โดยแยกเป็นหลายสำนวน ซึ่งสำนักงาน กกต. ได้พิจารณาเกือบครบแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสรุปสำนวน ก่อนจะครบกำหนดในวันที่ 16 กันยายนนี้ และจะส่งให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่า อาจมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดใหม่ (ชุดที่ 27) หากในการพิจารณาสำนวนปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ หรือพบพฤติการณ์เข้าข่ายผิดฐานอื่นเพิ่มเติม โดยนายแสวง ระบุว่า การตั้งคณะฯ ใหม่นั้นเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง ไม่ใช่การยื้อเวลาเพื่อช่วยเหลือฝ่ายการเมืองใด พร้อมย้ำว่า “สำนวนเดิมก็ว่ากันไปตามขั้นตอนและกรอบเวลา”
นายแสวง ยังตอบโต้กรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พาดพิงว่า ตนเป็นคนบุรีรัมย์จึงอาจช่วยเหลือคนพื้นที่เดียวกันว่า “ผมเป็นคนบุรีรัมย์ แต่ขอดูแลเฉพาะงานตัวเอง ไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย ความยุติธรรมมีองค์ประกอบ 3-4 เรื่อง คือ ขั้นตอน เวลา การได้รับปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และข้อเท็จจริงที่รวบรวมได้ ซึ่งต้องพิจารณาครบทุกเรื่อง”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลใหม่จะแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีข่าวเชื่อมโยงกับ สว.บางรายนั้น กกต. จะสามารถเข้าไปตรวจสอบได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ไม่อยู่ในอำนาจของ กกต. เพราะหน้าที่ กกต. คือการตรวจสอบการทุจริตเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมถึงการทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น แม้จะมีหลักฐานว่า มีความสนิทสนมกับ สว. มาก่อน ก็ไม่ใช่อำนาจของ กกต.
“หน้าที่เราชัดเจน คือดูแลความสุจริตในการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องอื่นให้เป็นไปตามกลไกที่กฎหมายกำหนดไว้” นายแสวง กล่าวทิ้งท้าย