“พรรคเพื่อไทย”ประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน รอวันกลับมาใหม่

05 ก.ย. 2568 | 10:22 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2568 | 10:28 น.

“พรรคเพื่อไทย”ประกาศพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย นโยบายที่ค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทยประกาศผ่านเฟซบุ๊กพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯ หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
  • พรรคฯ ยืนยันจะยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และให้คำมั่นว่าจะรอวันกลับมาสานต่อนโยบายเพื่อคนไทย
  • ก่อนหน้านี้ สส. ของพรรคได้คัดค้านกระบวนการเลือกนายกฯ และได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

วันที่ 5 กันยายน 2568 ภายหลังที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีมติโหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 32 เฟซบุ๊คพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า 

“พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน...ตลอดไป”

ก่อนหน้านั้น ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ช่วงหนึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ อภิปรายสนุน นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ  

โดยระบุว่า ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน หรือ MOA 5 ข้อ ในการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นข้อตกลงที่ขัดหลักการปกครองเสียงข้างมาก และเคารพเสียงข้างน้อย ที่พรรคประชาชน ไม่ร่วมคณะรัฐมนตรี และจะใช้กลไกสภา ควบคุมตรวจสอบรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จะมีเสียงไว้วางใจได้อย่างไร และหลักเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง มอบให้พรรคประชาชน และ 1 ล้านเสียงให้พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน ก็กำลังมอบ 14 ล้านเสียง ให้ 1 ล้านเสียง ซึ่งเป็นการทำลายหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นการยอมรับอำนาจนอกระบบ เข้ามาครอบงำชี้นำสภาผู้แทนราษฎร

นอกจากนั้น สส.พรรคเพื่อไทย ยังได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (5 ก.ย.) เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (5 ก.ย.) เพราะเป็นที่น่ากังวลว่า การที่พรรคประชาชน และ พรรคภูมิใจไทย มีข้อตกลงร่วมกัน ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่ สส.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ข้อผูกมัด อาณัติครอบงำใด ๆ โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์

โดย MOA ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชน และ นายอนุทิน เพราะเมื่อมีการยุบสภา และมีการเลือกตั้ง พรรคประชาชน ก็จะเป็นอันดับ 1 จึงไม่น่าแปลกใจที่ พรรคประชาชน เรียกร้องให้มีการยุบสภา แต่การกระทำด้วยวิธีการเช่นนี้ กระบวนการนั้นมิชอบ เข้าข่ายการล้มล้างระบอบการปกครอง เพราะเป็นการครอบงำ เพื่อให้ สส.ให้ได้อำนาจมาซึ่งไม่ชอบธรรม 

ดังนั้น เมื่อมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว การดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรี ควรระงับยับยั้งไว้ก่อน และรอว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาอย่างไรก่อน