‘ทวี’ ขู่ยื่นศาลรธน. ให้ยุบพรรคปมดีล MOA ดันอนุทินนั่ง ‘นายกฯ’

นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ สส.พรรคประชาชาติ ลุกขึ้นอภิปรายขอให้สภาเลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน เพราะว่า มีข้อตกลงทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนที่ทำร่วมกัน ที่เป็นการบ่อนเซาะและทำลายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 

ทั้งนี้ เนื่องจากระบุถึงการสร้างหลักประกันว่าจะมีการยุบสภา ซึ่งสะท้อนการจัดทำเงื่อนไขเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าจะยึดหลักการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยฯ

นายทวีย้ำว่า การกำหนดข้อตกลงลักษณะดังกล่าวเป็นการ “บิดเบือนรัฐธรรมนูญ” เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็น “เสาหลักของการเมือง” ที่บริหารประเทศบนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เป็นเพียงกลไกในข้อตกลงทางการเมือง 

โดยถือเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติห้ามบุคคลใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง

อย่างไรก็ดี แม้ข้อ 4 จะไม่เข้าข่ายโดยตรง แต่เนื้อหาเป็นการบ่อนเซาะเสถียรภาพของระบบการจัดตั้งรัฐบาลโดยเสรี และหากปล่อยให้เป็นบรรทัดฐาน อาจนำไปสู่การตีความว่าเป็น “อาชญากรรมทางการเมือง” หรือทำให้นักการเมืองบางฝ่ายกลายเป็น “อาชญากรทางการเมือง” ได้ในอนาคต

นายทวี กล่าวอีกว่า อาจจะมีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการวินิจฉัยและชี้ขาดประเด็นดังกล่าว รวมถึงอาจนำไปสู่การยุบพรรคที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการครอบงำทางการเมืองหรือมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันโดยไม่คำนึงถึงประชาชน พร้อมทิ้งท้ายว่า “คุณไม่เห็นหัวประชาชน”

นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ก็ลุกขึ้นอภิปรายในประเด็นเดียวกันว่า ข้อตกลง MOA ของ 2 พรรคการเมือง มีการชี้นำกัน ครอบงำกันและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันและกัน ทั้งขัดรัฐธรรมนูญและผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งเป็นการสัญญาว่าจะให้

นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ลุกชี้แจงใช้สิทธิ์พาดพิงยืนยันว่า ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามฝ่ายค้านไปเลือกสนับสนุนพรรคไหน และไม่ได้ละเมิดรัฐธรรมนูญและขัดกับหลักประชาธิปไตย 

"เราทำ MOA กัน แล้วพรรคการเมืองของท่านก็ลดแลกแจกแถมเมื่อวานนี้ เพื่อรับทุกเงื่อนไขของ MOA ไม่ใช่หรือ ถ้าท่านเห็นว่ามันผิดแล้วท่านรับทุกข้อเสนอทำไม"

รัฐธรรมนูญมาตรา 49 คืออะไร?

รัฐธรรมนูญมาตรา 2560 มาตรา 49 ระบุว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้

ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้

ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้

การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง