“สนธิญา”ยื่นร้องป.ป.ช.สอบจริยธรรม “พีระพันธุ์” ถือหุ้น 3 บริษัท

23 เม.ย. 2568 | 05:50 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 08:27 น.

“สนธิญา สวัสดี”ยื่นร้องป.ป.ช.สอบจริยธรรม “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อ้างองคมนตรี ปมถือหุ้น 3 บริษัท หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี

วันนี้ (23 เม.ย. 68) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ดังต่อไปนี้

1. มีการอ้างถึงองคมนตรี ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 12 หรือไม่ 

2. ประเด็นการถือหุ้นอยู่ในบริษัท จำนวน 3 บริษัท หลังจาก นายพีระพันธุ์ รับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2566  

นายสนธิญา เรียกร้องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 และมาตรา235 เพื่อไต่สวนและมีความเห็น ว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 187 ประกอบมาตรา 170 (4) (5) และ มาตรา 219 การกระทำที่ฝ่าฝืน ต่อจริยธรรมร้ายแรง ในข้อที่ 7 ข้อที่ 8 ข้อที่ 11 ข้อที่ 17 ข้อที่ 21 ประกอบข้อที่ 27 

ทั้งนี้เพื่อไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีการกระทำการดังกล่าว ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ก็ให้ ป.ป.ช. ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 235 ต่อไป 

นายสนธิญา กล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 41 (1)(2) ประกอบ มาตรา 50 เพื่อ ป.ป.ช. ไต่สวน และตรวจสอบหาข้อเท็จจริง อันเป็นที่ประจักษ์ ตามที่ได้รับการร้องเรียน จากประชาชนมา เพื่อเป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ และจริยธรรมของนักการเมือง และ คณะรัฐมนตรี 

นายสนธิญา ยังอธิบายถึงเรื่องร้องเรียนว่า ได้แก่ กรณีการอ้างถึง DNA ลุงตู่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ซึ่งไม่สามารถมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 12 เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และประเด็นการถือหุ้นอยู่ใน 3 บริษัท หลังจากที่รับตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566

“ไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผมได้รับเอกสารจากประชาชนขอให้ตรวจสอบหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองนายกฯและรมว.พลังงาน ซึ่งมีเอกสารทั้งหมด 2 ชุด จึงมายื่นให้กับ ป.ป.ช.พิจารณาและวินิจฉัย ไต่สวน ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้ง 2 ประเด็น”

นายสนธิญา กล่าวว่า กรณีที่ นายพีระพันธุ์ กล่าวถึง DNA ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในหลายโอกาส รวมทั้งเพจของพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือบุคคลอื่นบุคคลใดก็ตามที่กล่าวถึงองคมนตรี ขณะนี้สถานะขององคมนตรีเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา 12 

ดังนั้น องคมนตรีไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือพรรคการเมืองได้ แม้จะรัก เคารพ หรือนับถือกันมากเท่าใด แต่เราไม่สามารถดึงองคมนตรีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ หากยังกระทำต่อไป ตนถือว่าการกระทำเหล่านั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ส่วนประเด็นที่ 2 ยื่นเอกสารขอให้ตรวจสอบกรณีที่นายพีระพันธุ์ ถูกกล่าวหาว่า เป็นกรรมการบริหาร และมีส่วนการพิจารณาหรือตัดสินใจ มีหุ้นส่วน ตั้งแต่ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ 77 เปอร์เซ็นต์ และ 10 เปอร์เซ็นต์ ของ 3 บริษัท หากเป็นเช่นนี้ กระบวนการจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(4) มาตรา 160(5) และมาตรา 179(9) 

เพราะกรณีการเป็นกรรมการบริหารในบริษัทเอกชน หรือ ถือหุ้น ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารต้องลาออกก่อนดำรงตำแหน่งนั้นๆ ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบ ขณะนี้บางบริษัทยังมีชื่อ นายพีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่งอยู่

ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.ตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างชัดเจน ว่า นายพีระพันธุ์ ยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารบริษัทเอกชนเหล่านั้น ก็จะเข้าสู่กระบวนการการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ที่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 219