‘เพื่อไทย’ ลั่น ‘ยุบสภา’ ดีกว่าปล่อยเดินหน้าได้รัฐบาลเป็ดง่อย

03 ก.ย. 2568 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2568 | 06:24 น.

พรรคเพื่อไทยชี้ยุบสภาดีกว่าปล่อยให้กลไกลเดินหน้าต่อได้รัฐบาลเป็ดง่อย เลือกนายกฯมาแต่ไม่ได้ทำงานบริหารประเทศ

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการยุบสภาเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเดินหน้าเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้ได้ "รัฐบาลเป็ดง่อย" ที่ไม่สามารถบริหารประเทศได้เต็มที่
  • นายชูศักดิ์ ศิรินิล ชี้ว่ารัฐบาลใหม่จะมีเวลาทำงานเพียง 4 เดือนก่อนต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศในภาวะวิกฤต
  • นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภา และกำลังพิจารณาทางเลือกดังกล่าว

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยโดยยอมรับว่า เท่าที่ได้พูดคุยกันเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย. 68 ) กับแกนนำรวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องคิดว่าหากคิดวิเคราะห์ดี ๆ จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเลือกไปเพื่อยุบสภา เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว

และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาหลังจากนั้นภายใน 4 เดือน ก็จะต้องมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศแบบจริงจัง แต่มายุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าคิดว่า เป็นกระบวนการที่เลือกผู้นำประเทศแต่ไม่ได้บริหารประเทศ โดยในเฉพาะช่วงวิกฤตเช่นนี้ 

ทั้งนี้ การที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องมองถึงเอกภาพถึงการเป็นพรรคการเมืองก็เป็นปัญหา พรรคนี้ครึ่งหนึ่ง พรรคนั้นค่อนหนึ่ง หรือพรรคนั้นมีงูเห่าเท่านั้นเท่านี้ตัว ความสง่างาม และความเป็นประชาธิปไตย จะเป็นปัญหา ซึ่งเราจะคิดว่าถ้าเลือกทางนี้ท้ายที่สุดจะถูกต้องหรือไม่ จึงคิดว่าเมื่อจะยุบสภาอยู่แล้ว ทางที่ดีที่สุด ยุบไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากรัฐบาลที่เลือกเข้าไปก็จะกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ก็ยุบเสียเลย สมมุติอย่างนี้ ซึ่งจากการพูดคุยก็คิดว่าเหมาะสม แต่อำนาจการตัดสินใจก็เป็นเรื่องของผู้ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี 

สำหรับปัญหาการยุบสภามีอยู่ 2 ประการ คือมีอำนาจหรือไม่ในการเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภา ซึ่งก็จะมีความเห็นจาก เลขากฤษฎีกา ที่บอกว่าไม่มีอำนาจแต่หลายความเห็นก็บอกว่ามีอำนาจ ซึ่งข้อสังเกตของตนเองมีอยู่ว่า สถานการณ์ตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงแต่ทำหน้าที่ไม่ได้ แต่หากถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี คำตอบคือนายภูมิธรรม ที่ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจเต็ม นี่คือข้อสังเกตในเรื่องอำนาจ

‘เพื่อไทย’ ลั่น ‘ยุบสภา’ ดีกว่าปล่อยเดินหน้าได้รัฐบาลเป็ดง่อย

ส่วนประการที่ 2 ที่มองว่าเป็นพระราชอำนาจ จะไปก้าวร่วงอะไรหรือไม่ จริงอยู่ที่เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กฎหมายระบุไว้ว่า ให้ตราการยุบสภาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา คำถามคือใครเป็นผู้นำเสนอ และผู้ที่ต้องรับสนองพระราชโองการ คือผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา สุดแล้วแต่จะเป็นพระบรมราชวินิจฉัย เราก้าวล่วงไม่ได้ ตนจึงคิดว่าน่าจะไปได้ จึงให้นายภูมิธรรมคิดดูว่าจะทำอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งฟังดูท่านก็มองว่า ควรจะไปทางนี้ได้อยู่เหมือนกัน 

นายชูศักดิ์ ย้ำว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี เลือกไป 4 เดือนก็ต้องยุบสภา จะเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติไปเสียมากกว่า ซึ่งข้อสำคัญคือกระบวนการเลือก ต้องมีความสง่างาม

เมื่อถามว่านายภูมิธรรมนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องถามนายภูมิธรรม ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยนายภูมิธรรมจะตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไร แต่ในการหารือมีการคุยกันถึงเหตุผลในความเป็นไปที่ถูกที่ควร ยังไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นการหารือของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบคุยกันแล้วมีข้อสรุปประมาณนี้ ส่วนถ้ามีการไปร้องศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ต้องวินิจฉัย แต่ข้อสังเกตของตน ถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี    

“มันไม่เหมือน เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีคือท่านภูมิธรรมมีอำนาจเต็ม ไม่ได้ไปก้าวล่วงอะไร  เพราะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ  ในพระราชกฤษฎีกาต้องระบุ ถึงเหตุผลในการยุบสภา  สุดแต่พระบรมราชวินิจฉัยที่จะเห็นสมควรประการใด เป็นหลักธรรมดาทั่วไป”

ส่วนความชัดเจน นายภูมิธรรมจะสามารถบอกได้วันนี้หรือไม่เพราะพรรคประชาชนประกาศแล้วว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวให้นายภูมิธรรมแถลงว่าจะเป็นอย่างไร 

เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้ นายภูมิธรรมสามารถดำเนินการได้หรือไม่หรือต้องไปถามพรรค เพื่อให้เป็นมติ  นายชูศักดิ์กล่าวว่า นายภูมิธรรมตัดสินใจได้เพราะได้รับมอบหมายจากพรรคมาแล้ว

ส่วนถ้ามีการประกาศยุบสภาแล้วมีผู้ไปร้องแล้วกระบวนการจะชะลอหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าเมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ก็ต้องรอว่าผลจะเป็นอย่างไร ถามต่ออีกว่า หากมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วกระบวนที่สภาการเลือกนายกฯจะทับซ้อนกันหรือไม่  นายชูศักดิ์ กล่าวว่าสภาก็ต้องเอาเรื่องนี้ไปคิดด้วย   

ขณะที่ส่วนถ้าหากมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญกระบวนการจะต้องหยุดชะงักหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ถามว่าเป็นไปได้ไหมในขณะนี้เป็นไปได้ และระหว่างนี้รัฐบาลรักษาการก็ยังทำหน้าที่