‘สรวงศ์’ ยันเพื่อไทยยื่นทูลเกล้าฯยุบสภาตามขั้นตอนแล้ว

03 ก.ย. 2568 | 03:06 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2568 | 03:47 น.

‘สรวงศ์’ ยันพรรคเพื่อไทยยื่นทูลเกล้าฯเพื่อยุบสภาตามขั้นตอนแล้ว ระบุขณะนี้เดินต่อไม่ได้แล้วหลัง ปชน.หนุนอนุทินเป็นนายกฯ

KEY

POINTS

  • นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ ได้ดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ เพื่อยุบสภาแล้ว
  • สาเหตุหลักในการยุบสภาคือรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศต่อได้ เนื่องจากมีเสียงสนับสนุนในสภาเพียง 130 กว่าเสียง ทำให้ขาดเสถียรภาพ
  • สถานการณ์การเมืองถึงทางตันหลังพรรคประชาชนประกาศสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่เข้าร่วมรัฐบาล
  • พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าการยุบสภาสามารถทำได้ตามกฎหมาย แม้จะมีบางฝ่ายท้วงติงว่าไม่สามารถทำได้ก็ตาม

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยหลังจากที่พรรคประชาชน (ปชน.) มีมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า กระบวนการทั้งหมดที่รับทราบมาเมื่อเช้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการทูลเกล้าฯ เพื่อยุบสภาแล้ว แต่ในรายละเอียดขอให้นายภูมิธรรมเป็นผู้แถลง

อย่างไรก็ดี เมื่อถามว่า ขณะนี้ยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ใช่ โดยด้วยกระบวนทั้งหมดที่รับทราบเมื่อเช้านี้ นายภูมิธรรมได้ดำเนินการในเรื่องของการยื่นถวายเรื่องยุบสภาแล้ว

สำหรับเหตุผลในการยุบสภานั้น มีหลายสาเหตุมาก ขณะนี้เดินต่อไม่ได้แล้ว พรรคประชาชนประกาศสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี 

แต่กลับไม่ร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้น รัฐบาลจะมีเสียงเพียง 130 กว่าเสียง จึงถามว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ไหน เพราะเดินต่อได้ยาก ในฐานะ สส.คนหนึ่งดูแล้วไม่น่าไปต่อได้

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายท้วงติงว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ นายสรวงศ์ ระบุว่า พรรคมีความมั่นใจทางฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยมีความเห็นที่แตกต่างในเรื่องนี้ และนายภูมิธรรมได้ดำเนินการไปแล้ว

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวกับ เนชั่นทีวี พรรคเพื่อไทยไม่มีอำนาจยุบสภา แต่การเสนอพระราชกฤษฎีกา เป็นการดำเนินการของรักษาการนายกฯ ภูมิธรรม การคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยคิดไว้อยู่แล้ว เพียงแต่เวลาที่เหมาะสมคือช่วงใดเท่านั้นเอง 

"การประชุมสภาเพื่อตั้งนายกฯคนใหม่ จะทำให้เกิดความเสียหายมากว่า เพราะกว่าจะมีความชัดเจน มีรัฐบาลใหม่ ใช้เวลาอีกนาน พรรคเพื่อไทยเองก็รับฟังเสียงประชาชนมาเช่นกัน จึงตัดสินใจแบบนี้"