"คดีคลิปเสียงฮุน เซน" ถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะมีการพิจารณาคดีและอ่านคำวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 29 สิงหาคม 2568
กูรูการเมืองวิเคราะห์กันว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็มีผลกระทบต่อประเทศไทยและผลกระทบต่อการเมืองไทยอย่างลึกซึ้งในหลายมิติ
ฐานเศรษฐกิจ พาย้อนรอยไปดูสถิติการวินิจฉัยของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้มีบทบาทสำคัญในการตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ทั้งการดำรงตำแหน่งและการถอดถอนนายกรัฐมนตรี รวมถึงการยุบพรรคการเมืองในคดีสำคัญในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เช่น คดียุบพรรคอนาคตใหม่ คดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คดียุบพรรคก้าวไกล คดีถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน คดีการดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงคดีถอดถอนแพทองธาร ชินวัตร ภายใต้มติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในยุคปัจจุบัน ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 (ปัจจุบัน) ที่ประกอบด้วย
เมื่อย้อนสถิติการเมืองในแต่ละคดีเรียงตามไทม์ไลน์ของคดีพบข้อมูลการลงมติในการวินิจฉัยดังนี้
ในกรณีของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกกล่าวหาว่าผิดรัฐธรรมนูญจากการถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย ซึ่งอาจเป็นการขัดต่อมาตรการห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งดำรงตำแหน่งทางการเมืองหากมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทในลักษณะที่ผิดกฎหมาย
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ว่าธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวและการกระทำของเขาขัดต่อรัฐธรรมนูญตามมาตรา 98 และ 101 ส่งผลให้ธนาธรต้องพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับการดำเนินการของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพรรคได้รับเงินกู้จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในการระดมทุนให้กับพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยมติส่วนใหญ่เห็นว่าการให้เงินกู้ในจำนวนที่เกิน 10 ล้านบาทโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะนั้นขัดกับกฎหมายพรรคการเมือง
คดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าเขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องและตัดสินว่า พล.อ. ประยุทธ์ยังไม่ครบวาระ 8 ปี เนื่องจากการนับระยะเวลาต้องเริ่มตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับ คือ 6 เมษายน 2560
มติของศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ให้ยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากพบว่ามีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)
และมติเป็นเอกฉันท์ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 ถึง 31 มกราคม 2567 เป็นระยะเวลา 10 ปี
มติเป็นเอกฉันท์ ห้ามมิให้ผู้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่พรรคถูกยุบ
รายชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ลงมติ
มติของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ได้รับการลงมติจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด 9 ท่าน (9:0) ได้แก่
1.วรวิทย์ กังศศิเทียม (ประธานศาลรัฐธรรมนูญขณะนั้น) 2.อุดม สิทธิวิรัชธรรม 3.จิรนิติ หะวานนท์ 4.วิรุฬห์ แสงเทียน 5.นภดล เทพพิทักษ์ 6.ปัญญา อุดชาชน 7.บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 8.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 9.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์
โดยมติทั้งหมดเป็นเอกฉันท์ในการยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล
ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยคดีถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 โดยมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งได้รับคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ามีเหตุผลที่จะถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตามกรณีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลิปเสียงของเธอที่มีการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องนี้จากประธานวุฒิสภา มีมติ 7 ต่อ 2 รับคำร้องตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย โดยไม่มีการเปิดเผยรายชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ลงมติรับคำร้องในคดีนี้