วันนี้ (15 สิงหาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)
โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการคดีพิเศษ เข้าร่วมประชุมในวันนี้
ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คดีความผิดทางอาญาอื่น 1 เรื่อง กรณีการกระทำความผิดของชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมกันกระทำเป็นขบวนการหลอกลวงหรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใด โดยเรียกรับเงินจากนายจ้างและแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ได้รับการต่อใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอันมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 สำหรับแรงงานชาวกัมพูชาเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานความคืบหน้าคดีพิเศษซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน ได้แก่ คดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 ถึงปัจจุบัน
โดยได้มีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไป ทั้งสิ้น 90 ปาก มีการจัดทำเหตุการณ์จำลองทั้งสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาและกระบวนการคัดเลือก พร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน
ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของกลุ่มขบวนการได้มีการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด
สำหรับการดำเนินการในลำดับต่อไปทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมออกหมายเรียกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอีก 1,200 คน เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากทางคดี มีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหน่วยงานภายในสังกัดรวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ