KEY
POINTS
เช้าวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีวาระพิจารณาคดีสำคัญที่อาจส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของประเทศ นั่นคือ กรณี “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ถูกกล่าวหาว่า สนทนากับ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในลักษณะที่ถูกตีความว่าอาจกระทบต่อความมั่นคงของไทย
ความน่าสนใจของการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ คือ ศาลจะวางไทม์ไลน์เพื่อกำหนดวันตัดสินชี้ชะตา “นายกฯแพทองธาร” ในคดีนี้ไว้เลยหรือไม่?
คดีนี้เริ่มจากการที่ สมาชิกวุฒิสภา 36 คน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82, มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
ก่อนหน้านั่น เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ต่อมา ศาลมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
4 สิงหาคม 2568 แพทองธารยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบข้อกล่าวหาทั้งหมด
13 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี อาจมีคำสั่งให้ส่งคำชี้แจงไปยังผู้ร้องเพื่อยื่นคำโต้แย้งภายใน 15 วัน และลุ้นว่าศาลจะกำหนดนัดวันฟังคำวินิจฉัยเลยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ คาดว่าศาลจะนัดวันวินิจฉัยช่วงกลางเดือนกันยายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดอ่านคำวินิจฉัยได้เร็วที่สุด
คดีนี้ไม่ได้มีผลเพียงแค่ตำแหน่ง นายกฯของ แพทองธาร แต่ยังอาจส่งแรงสะเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และ การเมืองไทย