นับถอยหลัง “สิงหา–กันยา” ชี้ชะตา 2 พ่อลูกชินวัตร

12 ส.ค. 2568 | 07:02 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2568 | 07:26 น.

สองเดือนต่อจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องจับตาแบบไม่กะพริบ เพราะ “2 พ่อลูกชินวัตร” ทักษิณ ชินวัตร และ แพทองธาร ต่างมีนัดสำคัญในศาลที่อาจกำหนด “ชะตาชีวิต” ทางการเมืองอนาคต

KEY

POINTS

  • ทักษิณ ชินวัตร เผชิญ 2 คดีสำคัญ โดยศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดี ม.112 ในเดือนสิงหาคม และศาลฎีกานัดอ่านคำสั่งคดีการพักโทษบนชั้น 14 ในเดือนกันยายน
  • แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญคดีในศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน ซึ่งคาดว่าจะมีการวินิจฉัยในเดือนกันยายน และอาจส่งผลให้พ้นจากตำแหน่ง
  • ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ถือเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาทางการเมืองของสองพ่อลูก "ตระกูลชินวัตร" ซึ่งผลคำตัดสินของศาลจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออนาคตของทั้งคู่ และ เสถียรภาพของรัฐบาล

สองเดือนต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่สังคมการเมืองไทย ต้องจับตาแบบไม่กะพริบ เพราะ “2 พ่อลูกชินวัตร” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน  ต่างมีนัดสำคัญในศาลที่อาจกำหนด “ชะตาชีวิต” ทางการเมืองในอนาคต

“ทักษิณ”2 คดีใหญ่สู่เส้นตาย 

คดี ม.112 ศาลอาญา

วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ศาลอาญากำหนดอ่านคำพิพากษาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งอัยการยื่นฟ้องจากเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อเกาหลีใต้เมื่อหลายปีก่อน 

คดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นประเด็นกฎหมายร้ายแรง แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางการเมือง และ การเคลื่อนไหวของเครือข่ายการเมืองในอนาคต 

หากศาลมีคำพิพากษาว่า มีความผิดโทษจำคุกตามกฎหมายอาญามาตรา 112 มีผลบังคับใช้ทันที เว้นแต่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

คดี“ชั้น 14”ศาลฎีกา 

วันที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำสั่งคดีเกี่ยวกับการบังคับโทษจำคุก ขณะพักรักษาตัวอยู่ในตึกศาลชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ 

ทักษิณ ต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลฎีกา รวมเวลา 8 ปี จาก 3 คดีทุจริต ต่อมาได้รับการพระราชทานอภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ก่อนออกจาก รพ.ตำรวจ วันที่ 18 ก.พ. 2567 หลังเข้าเกณฑ์ได้รับการ "พักการลงโทษ" เป็นกรณีพิเศษตามระเบียบกรมราชทัณฑ์

แต่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เขาไม่ได้นอนในเรือนจำพิเศษ แม้แต่คืนเดียว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ส่งตัวออกจากเรือนจำช่วงกลางดึกของวันที่ 22 ส.ค. 2566 ด้วยอาการฉุกเฉินต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ หลังจากนั้น ทักษิณ ก็ไม่ได้กลับเข้าไปในเรือนจำอีกเลย

คดีนี้ต้องรอดูว่า ศาลฯ จะสั่งว่า ทักษิณ รับโทษครบเรียบร้อบแล้ว หรือ ต้องกลับไปจำคุกอีกกี่เดือน กี่วัน

                                             นับถอยหลัง “สิงหา–กันยา” ชี้ชะตา 2 พ่อลูกชินวัตร

“อิ๊งค์”คดีคลิปเสียงฮุนเซน 

คดีของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31ต้องเผชิญคือ คดีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน อดีตนายกฯกัมพูชา ที่ถูกกล่าวหาว่ามีเนื้อหาส่งผลต่อความมั่นคง ซึ่งฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนมองว่าเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ 

คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” โดยมีไทม์ไลน์ที่น่าสนใจ ดังนี้  

4 ส.ค. 2568 แพทองธาร ยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบข้อกล่าวหาจากกลุ่มผู้ร้องนำโดยสมาชิกวุฒิสภา 36 คน

13 ส.ค. 2568 ศาลพิจารณาคำชี้แจง อาจมีคำสั่งให้ส่งคำชี้แจงของนายกฯ ไปให้ผู้ร้องไขข้อโต้แย้งภายใน 15 วัน

27 ส.ค. 2568 ศาลนัดพิจารณาอีกครั้ง หากสิ้นข้อสงสัยอาจนัดวันวินิจฉัยทันที หรือใช้เวลา “ทอดเวลา” อีก 15 วัน เพื่อความรอบคอบ

ก.ย. 2568 กลางเดือน เป็นช่วงที่คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะนัดอ่านคำวินิจฉัยได้เร็วที่สุด

ศึกกฎหมาย–เกมการเมือง 

สถานการณ์ที่ทั้ง พ่อ และ ลูก ต้องขึ้นศาลในเวลาใกล้เคียงกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนถึงแรงกดดันทางการเมือง ที่ถาโถมมาสู่ตระกูลชินวัตรในจังหวะเดียวกัน 

ฝ่ายสนับสนุนมองว่าเป็น “การจัดฉากทางการเมือง” เพื่อสกัดอำนาจทางการเมืองของตระกูลชินวัตร

ส่วนฝ่ายตรงข้ามกลับเห็นว่าเป็น “กระบวนการยุติธรรม” ที่ดำเนินตามกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ 

หากศาลวินิจฉัยให้มีความผิด ในคดีของ “ทักษิณ” อาจนำไปสู่การจำกัดเสรีภาพ หรือ เพิ่มแรงกดดันทางการเมืองต่อรัฐบาล

ส่วนคดีของ “แพทองธาร” ผลที่ตามมาคือ การพ้นจากตำแหน่ง “นายกฯ คนที่ 31” ทันที พร้อมการตัดสิทธิ์ทางการเมือง 

ช่วงเวลาเสี่ยงของ“ชินวัตร

สิงหาคม–กันยายน 2568 จึงไม่ใช่เป็นเพียง “เดือนร้อน” ของสองบุคคลสำคัญ แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่อาจพลิกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ผลของคำพิพากษาไม่เพียงส่งผลต่อชะตาส่วนตัวของ ทักษิณ และ แพทองธาร หากยังสะเทือนถึงเสถียรภาพรัฐบาล  

ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เดือนนี้ และ เดือนหน้า จะถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ฤดูชี้ชะตา” ของ 2 พ่อลูกตระกูลชินวัตร

รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4122