ถ่ายทอดสด ศาล รธน.อ่านคำวินิจฉัยคดี “พิเชษฐ์”โยกงบ เวลา 15.00 น.

01 ส.ค. 2568 | 08:40 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2568 | 07:01 น.

วันนี้ เวลา 15.00 น. มีการถ่ายทอดสด ทางช่องยูทูปของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยชี้ชะตา “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาฯ คดีโยกงบ ขัดรัฐธรรมนูญ ม.144 หรือไม่

วันนี้ (1 ส.ค. 68)  เวลา 15.00 น.  ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย เรื่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีการเสนอ การแปรญัตติ หรือ การกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง หรือไม่

โดยจะมีการ "ถ่ายทอดสด" ผ่านทางช่องยูทูปของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ 

 

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีการปรึกษาหารือในคดีหมายเลขดำ ที่นายภัณฑิล น่วมเจิม พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 121 คน ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาล กล่าวหานายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง และ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 144

คำร้องระบุว่า นายพิเชษฐ์ ได้ให้ความเห็นชอบและมีส่วนโดยตรงหรือโดยอ้อม ในการผลักดันโครงการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 3 โครงการ ในงบประมาณปี 2568 และต่อมาได้เสนอในลักษณะเดียวกันอีกครั้งในงบประมาณปี 2569 ซึ่งเข้าข่ายการแปรญัตติหรือการจัดทำงบประมาณที่ผู้ถูกร้องมีส่วนได้เสีย อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง 

ศาลได้ไต่สวนพยานบุคคลรวม 9 ปาก ก่อนมีคำสั่งรับคำแถลงปิดคดีจากทั้งสองฝ่าย โดยเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว จึงกำหนดนัดประชุมปรึกษาและลงมติในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. และจะอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น. ณ ศาลรัฐธรรมนูญ

 คดีนี้หากศาลมีคำวินิจฉัยว่า นายพิเชษฐ์ ฝ่าฝืนมาตรา 144 จะทำให้สิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส.เชียงราย และพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งโดยปริยาย นำไปสู่การเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ อีกทั้งยังอาจถูกเรียกคืนเงินงบประมาณที่เกี่ยวข้องภายใน 20 ปี และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี 

ที่สำคัญ คำวินิจฉัยครั้งนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดว่า จะกลายเป็น “บรรทัดฐาน” ต่อการพิจารณาคดีตาม มาตรา 144 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในกรณีนโยบาย “เงินดิจิทัล 10,000 บาท”