ศาล รธน. มติ 5:4 ยืดเวลา“นายกฯ"แจงปมคลิป ถึง 4 ส.ค. ครั้งสุดท้าย

30 ก.ค. 2568 | 03:58 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2568 | 04:07 น.

ศาลรัฐธรรมนูญมติฉิวเฉียด 5 ต่อ 4 อนุญาตให้ “นายกฯ แพทองธาร” ยืดเวลาชี้แจงปมคลิปเสียงฮุนเซน ถึง 4 ส.ค.นี้ คดี 36 สว.ร้องสอบผิดจริยธรรม-ขาดคุณสมบัติ

วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งในคดีพิจารณาที่ 18/2568 ซึ่งประธานวุฒิสภาเป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีมีข้อกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติและฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง

คดีนี้มีสมาชิกวุฒิสภา 36 คน เข้าชื่อร้องต่อประธานวุฒิสภา โดยอ้างถึง คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่เผยแพร่เมื่อ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่งผู้ถูกร้องยอมรับว่าเป็นเสียงจริง โดยให้เหตุผลว่า เป็นการพูดคุยส่วนตัว เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและอธิปไตยของไทย

อย่างไรก็ดี ฝ่ายผู้ร้องมองว่า การแสดงออกของนายกรัฐมนตรีเป็นการนิ่งเฉย ไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบ หรือ กำหนดมาตรการในฐานะผู้นำรัฐบาล ทั้งยังถูกมองว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับฝ่ายกัมพูชาจนเป็นเหตุให้ “พร้อมทำตามความต้องการของกัมพูชา” ขัดต่อคุณสมบัติและมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ล่าสุด ผู้ถูกร้องได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่ 2 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยให้เหตุผลว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และเรียบเรียงเอกสารเพื่อให้ครบถ้วน

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วมีมติ เสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 อนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไป จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2568 โดยระบุว่าเป็น “ครั้งสุดท้าย” อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 31

สำหรับเสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยในการขยายเวลา ได้แก่ นายปัญญา อุดชาชน นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ โดยให้เหตุผลว่า ไม่ควรยืดกระบวนการเกินควร

                             ศาล รธน. มติ 5:4 ยืดเวลา“นายกฯ"แจงปมคลิป ถึง 4 ส.ค. ครั้งสุดท้าย

ทั้งนี้ หากผู้ถูกร้องไม่ยื่นคำชี้แจงภายในกำหนด ศาลรัฐธรรมนูญจะถือว่า “ไม่ติดใจที่จะยื่นคำชี้แจง” และดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปทันที ตามมาตรา 54 วรรคสาม ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561