วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.20 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรกลับมาเปิดการประชุมอีกครั้ง หลังพักประชุมช่วงเช้า โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้เข้าสู่การพิจารณาญัตติด่วน กรณีปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่
โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากหลายพรรค เสนอญัตติรวม 7 ญัตติ เพื่อให้รัฐเร่งรับมือสถานการณ์ พร้อมเสนอแนวทางลดความรุนแรง และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
การประชุมครั้งนี้มีการเสนอให้เป็น “การประชุมลับ” เนื่องจากเป็นประเด็นละเอียดอ่อนด้านความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากทั้งวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน
ส.ส.หลายพรรคชี้รัฐต้องเร่งแก้ทุกมิติ
นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เสนอให้สภาฯ พิจารณาปัญหาชายแดนอย่างรอบด้าน พร้อมระบุว่า เหตุปะทะกระทบประชาชนทั้งใน จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ และ อุบลราชธานี จึงขอให้ ส.ส. ทุกฝ่ายอภิปรายด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ
นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอให้รัฐบาลเร่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเร็ว พร้อมระบุว่า “ศัตรูรู้ว่าเรากำลังอ่อนแอ” และเสนอให้สนับสนุนงบอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงโดยเร็ว
นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้สภาฯ ศึกษามาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุดให้กับประชาชน พร้อมเสนอให้กองทัพอากาศส่ง F-16 ออกลาดตระเวนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย
นางปทิดา ตันติรัตนานนท์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย เสนอแผนเร่งด่วนในการอพยพประชาชน คาดอาจมีจำนวนหลักหมื่นคนที่ต้องการความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน รวมถึงให้รัฐดูแลทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มที่
“โรม”แฉแผนกัมพูชาลากไทยขึ้นศาลโลก
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายอย่างเคร่งเครียด โดยระบุว่า “กัมพูชากำลังเดินเกมระหว่างประเทศ เพื่อยั่วยุให้ไทยตอบโต้ แล้วนำหลักฐานไปยื่นต่อศาลโลก”
พร้อมเปิดเผยข้อมูลจากการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งฐานบริเวณโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หากฝ่ายไทยดำเนินการใดที่กระทบต่อพื้นที่เหล่านั้น อาจตกเป็นเป้าให้กัมพูชานำเข้าเวทีพิจารณาของศาลโลกได้ทันที
นายรังสิมันต์ ยังเสนอว่า รัฐบาลควรยื่นหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อแสดงจุดยืน และเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการทางการทูตอย่างเป็นระบบ พร้อมชี้ว่า “หากกัมพูชายื่นเรื่องก่อน ไทยอาจกลายเป็นจำเลยของประชาคมโลก”
นายรังสิมันต์ ยังเสนอด้วยว่า ให้เชิญทูตทหารของประเทศต่างๆ ลงพื้นที่ชายแดนเพื่อให้เห็นความจริงในพื้นที่ พร้อมขอให้ประธานสภาฯ และรัฐบาลประสานไปยังประธานอาเซียน คือ มาเลเซีย เพื่อให้สมาชิกในภูมิภาคเข้าใจสถานการณ์ตามข้อเท็จจริง ไม่ตกหลุมพรางข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชา
เห็นพ้องประชุมลับห่วงความมั่นคง
หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายจากผู้เสนอญัตติ มีมติเห็นร่วมกันให้ดำเนินการประชุมลับ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ ได้แจ้งให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุม และห้ามบันทึกภาพหรือเสียงเพื่อปกป้องข้อมูลด้านความมั่นคง
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ได้รับอนุญาตให้ร่วมรับฟังการประชุม เพื่อเตรียมนำข้อเสนอแนะไปดำเนินการต่อในฝ่ายบริหาร