“สมชัย”อัด กกต. ดองคดีใบแดง “หมอเกศ” 3 เดือน ยังไม่ถึงศาลฎีกา

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวถึงความล่าช้าในการดำเนินคดีวินิจฉัยคุณสมบัติของ นางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่ง กกต. มีมติ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ให้เพิกถอนสิทธิการดำรงตำแหน่ง (ใบแดง) เนื่องจากวุฒิการศึกษาที่ใช้สมัครเข้ารับการสรรหา สว. ไม่ถูกต้อง และเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง แต่จนถึงขณะนี้ ผ่านไปเกือบ 3 เดือน กกต. ยังไม่ส่งเรื่องให้ศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัยขั้นสุดท้ายตามกฎหมาย

นายสมชัย ระบุว่า ความล่าช้าดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนประสิทธิภาพการบริหารงานของ กกต. เท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายต่อกระบวนการทางนิติบัญญัติของประเทศ 

เพราะตามกฎหมาย สว. คนดังกล่าวยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ในวุฒิสภาได้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจากศาล ซึ่งอาจมีผลต่อการลงมติสำคัญในสภาสูง และยังอาจกลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดความเสียหายซ้ำซ้อน

“ถ้าวันใดศาลฎีกาตัดสินว่า สว.คนนี้ผิดจริง ต้องคืนเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ผู้ช่วย เลขานุการ และ ทุกค่าใช้จ่ายย้อนหลังทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในระหว่างดำรงตำแหน่ง” 

นายสมชัย ยังเตือนด้วยว่า นอกจากผลกระทบทางการเมืองและงบประมาณแล้ว หากศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยเจตนา กกต. ยังมีหน้าที่ต้องแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อไป โดยแม้อัยการจะมีอำนาจชี้ว่า จะสั่งฟ้องหรือไม่ แต่กระบวนการนี้จะยืดเยื้อและส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกระบวนการเลือกตั้งโดยรวม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัย เป็นหนึ่งในผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น สว. ในรอบล่าสุด โดยมีข้อสงสัยเรื่องการใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศ ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับในระบบอุดมศึกษาของไทย ทำให้มีผู้ร้องเรียนไปยัง กกต. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568 กกต. มีมติว่า เข้าข่ายหลอกลวง และให้เพิกถอนสิทธิในตำแหน่ง สว. ตามมาตรา 41 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และมาตรา 73 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. ซึ่งกรณีนี้ถือเป็น “ใบแดง”  หลังการประกาศผล” ทำให้ต้องส่งคำวินิจฉัยให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเป็นผู้ชี้ขาดขั้นสุดท้าย หากศาลเห็นชอบ สถานภาพ สว. จะสิ้นสุดทันที และต้องดำเนินการทางอาญาต่อไป

ในอดีตมีกรณี “ใบแดง” หลังประกาศผลหลายกรณี เช่น กรณี “สส.อนาคตใหม่” หรือ “ผู้สมัครนายก อบต.” ซึ่ง กกต. มักดำเนินการเร็วกว่า 1 เดือนหลังมีมติ ต่างจากกรณีของ “หมอเกศ” ที่ล่าช้าเกือบ 3 เดือน