วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติยืนยัน ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับที่ถูกวุฒิสภายับยั้งไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 137 (3) หลังพ้นกำหนด 180 วัน โดยให้ใช้ระบบ เสียงข้างมากชั้นเดียว ก่อนส่งเรื่องให้รัฐบาลดำเนินการต่อ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้เสนอร่างฯ กล่าวว่า การยืนยันร่างฉบับนี้คือการปลดล็อกกติกาสำคัญที่เอื้อต่อการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำลังรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญว่าจะต้องจัดทำประชามติกี่ครั้ง หากไม่มี พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ทันเวลา อาจต้องอิงกฎหมายเดิมที่ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น อันเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
นายจาตุรนต์ ระบุว่า แม้ พ.ร.บ.ฉบับใหม่จะไม่ได้ทำให้กระบวนการประชามติง่ายเป็นพิเศษ แต่ถือเป็นกติกาที่สะท้อนเสียงประชาชนได้ชอบธรรมกว่า ลดการตีความคลุมเครือว่าความเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศคือใคร
ด้านพรรคภูมิใจไทย โดย น.ส.บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรค อภิปรายแสดงความกังวลว่า แม้พรรคจะเห็นด้วยกับหลักการออกเสียงประชามติ แต่เนื้อหาของร่างฯ ที่ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว โดยไม่กำหนดสัดส่วนขั้นต่ำของผู้มาใช้สิทธิ์ อาจไม่สะท้อนความเห็นที่แท้จริงของประชาชน โดยเฉพาะหากในอนาคตมีประชามติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ
"ประชามติไม่ควรเป็นแค่เสียงข้างมากจากคนที่ออกมาใช้สิทธิ์เท่าใดก็ได้ แต่ควรมีกลไกชั้นกรอง เช่น ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่งก่อน แล้วจึงใช้เสียงข้างมากของคนกลุ่มนั้นเพื่อความมั่นใจ" โฆษกภูมิใจไทยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ลงมติ เห็นชอบยืนยันร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ด้วยคะแนนเสียง
เห็นชอบ: 375 เสียง
งดออกเสียง: 80 เสียง
ไม่ลงคะแนน: 1 เสียง
นับเป็นก้าวสำคัญในการ ส่งต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ให้รัฐบาลดำเนินการต่อ และอาจเป็น “จิ๊กซอว์ตัวแรก” ในการวางรากฐานสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต