6 ปฏิบัติการเพื่อไทยเอาคืน“ภูมิใจไทย”ปูทางศึกเลือกตั้งใหญ่

16 ก.ค. 2568 | 00:30 น.

“เพื่อไทย”เปิดเกมไล่บี้ “ภูมิใจไทย” ตั้งแต่โยกย้ายบิ๊ก ขรก.สายบ้านใหญ่ ล้มโครงการหมื่นล้าน สะเทือนถึงกัญชาเสรี เป้าหมายขจัดอิทธิพลเก่า ก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทยใช้กลไกภาครัฐ เช่น การโยกย้ายข้าราชการที่เชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย และการรื้อฟื้นคดีที่ดินเขากระโดง เพื่อลดทอนอิทธิพลในระบบราชการและพื้นที่ฐานเสียงหลัก
  • มีการสั่งระงับและทบทวนโครงการขนาดใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านบาทในกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทย เคยกำกับดูแล เช่น กระทรวงศึกษาธิการ และ อว. ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตัดอำนาจและงบประมาณ
  • รัฐบาลมีนโยบายยกเลิก "กัญชาเสรี" ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทย และเปลี่ยนให้กลับไปเป็นยาเสพติด เพื่อทำลายจุดแข็ง และ ฐานคะแนนนิยมของพรรคคู่แข่งโดยตรง

นับตั้งแต่ “พรรคภูมิใจไทย” ของ อนุทิน ชาญวีรกูล แสดงท่าที "แยกทาง" กับ รัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร และกลายสถานะเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ด้วยจุดยืนต่อต้านแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคใหญ่ก็ยิ่งแตกร้าวชัดเจนยิ่งขึ้น

บรรดานักสังเกตการณ์ทางการเมืองต่างชี้ว่า “เพื่อไทย” ไม่ได้ปล่อยให้ความขัดแย้งกลายเป็นเพียงปัญหาทางอุดมการณ์ แต่ได้เปิดปฏิบัติการ “เอาคืน” อย่างเป็นระบบในหลากหลายด้าน โดยใช้กลไกภาครัฐ อำนาจฝ่ายบริหาร และ การผลักดันนโยบาย เพื่อบั่นทอนฐานอำนาจทางการเมืองของ “พรรคภูมิใจไทย” อย่างเป็นรูปธรรม

ปฏิบัติการ“แดง”เอาคืน“น้ำเงิน”

ทีมข่าวฐานเศรษฐกิจ สรุป 6 ปฏิบัติการ “เพื่อไทย” เอาคืน “ภูมิใจไทย” ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ดังนี้

1. ล้างบางข้าราชการมหาดไทย“สายบ้านใหญ่”

พรรคภูมิใจไทย สั่งสมอิทธิพลในกระทรวงมหาดไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในยุครัฐบาลก่อนหน้า ที่พรรคมีบทบาทกำกับกระทรวงนี้โดยตรง

แต่หลังเปลี่ยนขั้วอำนาจจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย จึงกลายเป็นเป้าหมายลำดับแรกของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการจัดการกับ “ขั้วอำนาจเก่า” ที่มีความเชื่อมโยงกับ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” ฐานที่มั่นสำคัญของพรรคภูมิใจไทย

ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ถูกโยกไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง

นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ก็ถูกปรับตำแหน่งไปเป็นผู้ตรวจราชการ เช่นกัน

ข้าราชการระดับสูงในสายอื่นๆ ที่มีบทบาทในพื้นที่อีสานและภาคใต้กำลังถูกจับตา ว่าจะตามไปอีกระลอก

นี่ถือเป็นการลดทอนอิทธิพลของกลุ่ม ที่เคยได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทยในระบบราชการอย่างเป็นรูปธรรม

2. ทวงคืนที่ดินเขากระโดง 

ที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นกรณีพิพาททางกฎหมายมายาวนานกว่า 40 ปี แต่เมื่อกระแสสังคมและข้อเท็จจริงเริ่มเปิดเผยว่า มีการออกโฉนดโดยมิชอบจำนวนมาก ในพื้นที่ซึ่งควรเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หน่วยงานรัฐจึงกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง
ภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย “ภูมิธรรม เวชยชัย” เตรียมรื้อฟื้นคำสั่งเดิมที่เคยเพิกถอนโฉนดไม่สำเร็จ พร้อมเร่งผลักดันกระบวนการยึดคืนที่ดิน และอาจดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ความเคลื่อนไหวนี้ ส่งผลสะเทือนถึง "ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่" และ "นักการเมือง" ที่มีความเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทยโดยตรง

3. ฟันฮั้ว สว. 

การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2567 กลายเป็นสนามอำนาจใหม่ ที่ถูกจับตาในแง่การแทรกแซง และการใช้กลไกเงินในการล็อบบี้ให้ผู้สมัครบางรายได้รับเลือก

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเกมรุกสอบสวนขบวนการว่าจ้างและจ่ายเงินเพื่อจัดโหวตเลือกตั้งใน 24 จังหวัด ด้วยข้อหาฟอกเงิน

ขณะที่ กกต. โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการตรวจสอบ ฮั้ว สว. เตรียมสรุปสำนวนเพื่อส่งดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไป  

ว่ากันว่า มีการเสนอให้ดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งสิ้น 229 ราย แบ่งเป็น สว.ปัจจุบัน 138 ราย และบุคคลภายนอกอีก 91 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองหลายคน 

เกมนี้ถูกมองว่าเป็นการ “ตัดขั้วอำนาจในวุฒิสภา” ของพรรคภูมิใจไทย

                            6 ปฏิบัติการเพื่อไทยเอาคืน“ภูมิใจไทย”ปูทางศึกเลือกตั้งใหญ่

4. ล้มโครงการใหญ่ ศธ.-อว. 

โครงการขนาดใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การกำกับของพรรคภูมิใจไทย ถูกสั่ง “ระงับ” หรือ “ทบทวน” หลายโครงการ รวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท ได้แก่

ศธ. : เช่า Tablet + ซิมการ์ด 14,655 ล้านบาท

ศธ. : เช่าคลาวด์ VM   2,800 ล้านบาท

ศธ. : Learning Platform Phase 2 จำนวน 1,330 ล้านบาท

ศธ. : โครงการ VR–AR / Smart Lab  432 ล้านบาท

อว. : เช่าคลาวด์ระดับอุดมศึกษา   5,413 ล้านบาท

ศธ.-อว. : โครงการอื่นๆ เช่น NEdNet, Synchrotron หลักพันล้านบาท

การ "ล้มโครงการ" เหล่านี้ไม่เพียงเป็นการตรวจสอบความโปร่งใส แต่ยังถูกตีความว่า เป็นการตัดแขนขาทางงบประมาณของกลุ่มการเมืองที่เคยมีบทบาทในกระทรวงต่างๆ

5.ลุยเครือข่ายรีดเงินแรงงานต่างด้าว

หน่วยงานด้านความมั่นคงและแรงงาน ขยายผลจากการจับเครือข่ายเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าว พบเส้นทางเงินหมุนเวียนกว่า 450 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนมีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง
กระบวนการนี้เริ่มตั้งแต่การเรียกรับเงินจากแรงงาน ที่ต้องการอยู่ในระบบ ไปจนถึงการอนุญาตใบอนุญาตทำงานแบบเหมารวมหลายพันคนต่อเดือน

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง., สตม., สตช. และ กรมการจัดหางาน ต่างได้รับนโยบายให้ “ขยายผล” และ “ชี้เป้า” ไปยังกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งมีข่าวว่าบุคคลในพรรคภูมิใจไทยบางคนอาจได้รับผลกระทบจากคดีนี้

6.ล้ม“กัญชา-กระท่อม”เสรี

นโยบาย “กัญชาเสรี” และ “กระท่อมเสรี” ที่เคยเป็นธงใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ถูกเบรกอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาล

-มีการเสนอให้กัญชากลับเข้าไปอยู่ในบัญชียาเสพติด

-กระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนนโยบายจาก “เสรี” ไปสู่ “ควบคุมเข้ม”

-เร่งเปิด “สงครามยาเสพติด” รอบใหม่

นโยบายนี้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อจุดแข็งทางนโยบายของ “พรรคภูมิใจไทย” และยังทำให้ผู้ประกอบการที่เคยลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชาต้องเผชิญความไม่แน่นอนในทางธุรกิจ 

ขจัดอิทธิพลเก่าปูทางเลือกตั้ง

ทั้ง 6 ปฏิบัติการดังกล่าว เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่าง พรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อจำกัดบทบาทของคู่แข่ง 

ไม่ว่าจะตั้งใจ "เอาคืน" หรือ "ขจัดอิทธิพลเก่า" ก็ตาม แต่แน่นอนว่า การเมืองไทยกำลังเข้าสู่โหมด “ปะทะเดือด” ที่สะเทือนทั้งระบบราชการ กลไกตรวจสอบ และ เครือข่ายอำนาจที่ฝังรากมานานหลายสิบปี 

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกเลือกตั้งใหญ่ ที่อาจมาเร็วกว่ากำหนดนั่นเอง... 
 

รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4114