หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 ให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้นายกรัฐมนตรีของประเทศหยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จากคดีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน และ สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในคดีนายกฯ 8 ปี
หากพิจารณาประเทศที่พัฒนาแล้วจะพบว่า ไม่มีประเทศไหน ที่ศาลฯ มีอำนาจสั่ง 'ผู้นำประเทศ' หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ถ้ามี 'ถือว่าผิดปกติ' เพราะอาจ 'เปิดช่อง' ให้องค์กรตุลาการ เข้าแทรกแซงอำนาจบริหาร โดยยังไม่มีคำวินิจฉัย ซึ่งขัดหลักการ presumption of innocence หรือ สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความผิด
โดยหลายประเทศที่พัฒนาแล้วมี 'กลไก' ตรวจสอบถ่วงดุล หรือถอดถอนผู้นำประเทศได้ โดยไม่จำเป็นต้องเรียกว่า ศาลรัฐธรรมนูญ แบบในประเทศไทย
โดยสรุป ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญประเทศไหนมีอำนาจสั่งผู้นำ หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เพียงเพราะรับคำร้อง เหมือนที่เกิดขึ้นบ่อย ในระบบของไทย