KEY
POINTS
กรณีวันที่ 1 ก.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ที่ยื่นผ่านประธานวุฒิสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่า นางสาวแพทองธาร กระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชากับสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
เทียบคดี 3 นายกฯ ในศาลรธน.
แม้รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” ต้องใช้เวลากี่วันในการวินิจฉัยคดี การเมืองประเภทนี้ แต่หากย้อนดูการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในคดีลักษณะใกล้เคียงกัน ของ 2 อดีตนายกฯ จะพบว่า มีแนวโน้มเฉลี่ยของช่วงเวลาการตัดสิน ประมาณนี้
คดี“แพทองธาร”อาจตัดสินเร็ว
ในกรณีของ แพทองธาร ชินวัตร จุดต่างที่สำคัญคือ ศาลมีคำสั่งให้ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ตั้งแต่ต้น ซึ่งโดยปกติแล้ว คดีที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ชั่วคราว มักมีแนวโน้มว่าจะพิจารณาและตัดสินโดยเร็ว เพื่อป้องกันการสุญญากาศของอำนาจบริหารและรักษาเสถียรภาพการเมือง
ภายใต้สถานการณ์การเมืองตึงเครียดขณะนี้ และกระแสสังคมที่จับตา ศาลอาจเร่งพิจารณาคดีนี้ให้เร็วที่สุด โดยอาจยึดแนวทางเดียวกับกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้เวลา 37 วัน
คดี แพทองธาร หากเริ่มนับจากวันที่ศาลมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ คาดว่า เร็วที่สุดที่ศาลจะตัดสินคือ ปลายเดือนกรกฎาคม 2568 หรือ ต้น ส.ค. ช้าสุดคือไม่เกินกลางเดือน ส.ค. 2568
เดิมพันรัฐบาลแพทองธาน
หากคดีนี้ลงเอยด้วยการวินิจฉัยว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ” นอกจาก น.ส.แพทองธาร จะพ้นตำแหน่ง ยังอาจเปิดทางให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหลายระลอก ไม่ว่าจะเป็น
-การเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ในสภา
-การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
-หรือแม้แต่ “เปลี่ยนขั้วอำนาจ” หากพรรคร่วมรัฐบาลแตกแยก
ทั้งหมดนี้ ทำให้คดี “แพทองธาร” ไม่ได้เป็นเพียงการตีความทางกฎหมาย แต่กลายเป็น “สมรภูมิชี้ชะตา” ของรัฐบาลชุดนี้ และอนาคตของพรรคเพื่อไทยในเวทีการเมืองระดับชาติ
++++++++
“แพทองธาร"น้อมรับมติศาล ย้ำเจตนาทำเพื่อชาติ
"แพทองธาร ชินวัตร" แถลงเปิดใจน้อมรับมติศาลรัฐธรรมนูญ หลังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ชั่วคราว พร้อมแจงใน 15 วัน ย้ำปมคลิปเสียงมีเจตนาทำเพื่อประเทศชาติ ไม่เคยมีเจตนาร้าย พร้อมทำงานเพื่อประเทศไม่ว่าอยู่ตำแหน่งไหน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงเปิดใจหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ว่า ผลคําวินิจฉัยออกมาแล้วก็ขอน้อมรับคําพิจารณาของศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ว่ามีเวลาประมาณ 15 วัน ที่ชี้แจง ก็จะทําให้เต็มที่ ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่า เรื่องของคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่า
ความตั้งใจเจตนาจริงๆ เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ตั้งใจทําเพื่อประเทศชาติเพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ ซึ่งชีวิตของกองทัพของทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ดิฉันมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ
"แต่วิธีการที่ดิฉันทํา อาจจะถูกใจและไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ยังไงก็ตามดิฉันก็พยายามจะพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ว่ามันเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายาม เกิน 100% ที่จะทําเพื่อประเทศชาติจริงๆ"
นางสาวแพทองธาร กล่าวด้วยว่า เจตนาไม่มีอยากได้อะไรของตัวเองเลย แล้วก็คิดอย่างเดียวว่าทําอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ทําอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกันทางทหาร ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะก็คงรับไม่ได้ถ้าพูดอะไรกับทางผู้นําและทําให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะ หรือ เกิดการโกรธเคือง อันนั้นก็เป็นความตั้งใจจริงจริง
"ถ้าถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะเข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพราะฉะนั้นอันนี้คือ สิ่งที่ตั้งใจ แล้วก็จะใช้เวลาที่สามารถชี้แจงได้ให้ได้อย่างครบถ้วน"
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ส่งกำลังใจตั้งแต่เมื่อคืนก็มีคนส่งกำลังใจมา แล้วก็ต้องขอโทษพี่น้องคนไทยทุกๆ คนที่รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ หรือรู้สึกโกรธเคืองขอยืนยันอีกครั้งว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ ก็ต้องขอโทษในวิธีการ ถ้าไม่ถูกใจใครหลายๆ คน
"แน่นอนว่าหลังจากนี้ ช่วงที่หยุดปฎิบัติหน้าที่ ดิฉันเองก็ยังทำเพื่อประเทศชาติได้ต่อไป ในฐานะคนไทยคนหนึ่งแน่นอน แล้วก็ยังมี แรงกายแรงใจ เต็มครบ 100% พร้อมที่จะทำงานต่อ ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม อยู่ในฐานะไหนก็ตามก็ยังเป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนเดิม แล้วก็พร้อมทำเพื่อประเทศชาติ เต็มที่ทุกนาที ก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจทุกท่านอีกครั้งค่ะ ขอบคุณค่ะ"
รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4110 โดย...ทีมข่าวการเมือง