สร้างความสั่นคลอนไม่น้อยสำหรับ รัฐนาวา ของนางสาวแพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่หลายฝ่ายมองว่า ขาด เสถียรภาพ ภายหลังจาก “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) มากที่สุดถึง 69เสียง ประกาศถอนตัว จากพรรคร่วมรัฐบาล ขณะเดียวกันมีพรรคร่วมจำนวนหนึ่งขอไปต่อ
ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีต้องลงนามในคำสั่ง แบ่งงานใหม่ โดยเฉพาะ ตำแหน่งสำคัญคือรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลแพทองธาร2 เป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่ปรากฎชื่อของนาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคหัวหน้าพรรครวมไทยรักษาชาติ ในกลุ่มงานที่ได้รับมอบหมาย
สะท้อนได้หลายประการ คือ การต่อรองของนายพีระพันธุ์ที่ร่วมรัฐบาลต่อแต่ต้องให้นางสาวแพทองธาร ลาออก เนื่องจากปมคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซนหลุด มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ ส.ส.กลุ่ม18 นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น ล่าชื่อยื่นถอดถอนหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ออก ตามที่เป็นข่าว หรือในทางกลับกันกรณี นายพีระพันธุ์ ยื่นข้อเสนอ กดดัน ทำให้ นายกรัฐมนตรีลาออก ปมคลิปเสียงหลุดจากการสนทนากับ สมเด็จฮุนเซน ทำให้ ถูกขับออกเสียเอง ผลที่ตามมา กลุ่มส.ส.ทั้ง18คนฟากของนายพีระพันธุ์ อาจถอนตัวตามด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาลได้ออกมาชี้แจงว่า นายพีระพันธ์ ที่มีรายชื่อเดิมอยู่ก่อนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องประกาศใหม่
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำน่ากังวล ว่าการผลักดันงบประมาณปี2569 ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาวาระที่2และ3รวมถึงกฎหมายสำคัญเช่นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ตั๋วร่วม รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย จะประคับประคองไปต่อได้หรือไม่ เช่นเดียวกับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57แสนล้านบาท จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้อนุมัติขับเคลื่อนใดๆออกมา
อย่างไรก็ตาม คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ 184 / 2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 19 ก.ย.2567
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 77/2567 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 6 ม.ค.2568 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 103/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 24 มี.ค.2568 นั้นเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567ลงวันที่
16 ก.ย.2567 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 103 /2568 ลงวันที่ 24 มี.ค.2568
1.ให้ยกเลิกส่วนที่ 4แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567ลงวันที่ 16 ก.ย.2567
2.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี
ให้ยกเลิกความในข้อ 1.1.แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567ลงวันที่ 16 ก.ย.2567 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน การมอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.กระทรวงกลาโหม 2.กระทรวงมหาดไทย 3.กระทรวงยุติธรรม 4.สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 5.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ 6.สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (รวมทั้งราชการของราชบัณฑิตยสภา)
3.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีให้ยกเลิกความในข้อ 2.1 แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567ลงวันที่ 16 ก.ย.2567 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน การมอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.กระทรวงการต่างประเทศ
2.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 3.กระทรวงคมนาคม 4.กระทรวงแรงงาน 5.กระทรวงวัฒนธรรม และ6.สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
4.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ให้ยกเลิกความในข้อ 2.1 แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567ลงวันที่ 16 ก.ย.2567 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน การมอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการเทพมายกรัฐมายหรือ ดังนี้
1.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม2.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม4.กระทรวงศึกษาธิการ5.กระทรวงสาธารณสุข6.กรมประชาสัมพันธ์7.สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและ8.สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
อย่างไรก็ตาม ให้ยกเลิกความในข้อ 6.3 แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567 ลงวันที่ 16 ก.ย.2567 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 103/2568 ลงวันที่ 24 มี.ค.2568
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน การมอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้
1.สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ 2.สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหารมหาชน) 3.สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ 4.สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) 5.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 6.สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิจิทัล (องค์การมหาชน) 7.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม และ
8.สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 20 มิ.ย.2568