วันที่ 19 มิ.ย.68 จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ประกอบกับการประกาศถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ล่าสุดนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ออกมาแถลงข่าวพร้อมข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหารายดังนี้
นาย ณัฐพงษ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ถือเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทำลายความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนต่อการบริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกฯ ไปจนหมดสิ้น
หลังจากก่อนหน้านี้พรรคประชาชนได้เตือนแล้วว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วของพรรคเพื่อไทยเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างปัญหาตามมา โดย 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลไม่สามารถส่งมอบนโยบายที่เสนอไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปกองทัพ แม้แต่ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของประชาชน ลามมาจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตั้งแต่สงครามการค้าจนถึงปัญหาชายแดน
บรรยากาศในสังคมเมื่อวานนี้ มีข้อเรียกร้องหลากหลาย ซึ่งวันนี้ตนและ สส.พรรคประชาชน ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงในการยืนยันการหาทางออกตามวิถีทางประชาธิปไตย และยืนยันอีกครั้งกับจุดยืนของพรรคประชาชนดังที่เราประกาศชัดมาตลอด ว่าภายใต้รัฐสภาชุดนี้เราจะไม่ร่วมเป็นรัฐบาล ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศคือการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อร่วมกันตัดสินใจเลือกตัวแทนและผู้นำประเทศใหม่ กลับไปจุดเริ่มต้นของการมีผู้นำที่มีความชอบธรรม
สำหรับข้อเสนอให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง หากเราดูหน้ากระดานทางการเมืองที่เป็นอยู่ จำนวน สส. แต่ละพรรคการเมืองในสภาฯ และรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่ได้ยื่นต่อ กกต. ในการเลือกตั้งปี 2566 ก็ไม่ชัดเจนว่าการลาออกของนายกฯ จะทำให้เกิดทางเลือกใหม่ที่ดีกับการบริหารจัดการประเทศในภาวะวิกฤตเพียงใด
สิ่งที่เราทุกคนควรช่วยกันยืนหยัดขันแข็งคือ ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องที่เลยเถิดออกจากวิถีประชาธิปไตย ด้วยการใช้อำนาจนอกระบบอย่างการรัฐประหาร ตนเข้าใจดีว่าอารมณ์ของสังคมตอนนี้ กำลังขาดความเชื่อมั่นต่อผู้นำประเทศ แต่ขอเชิญชวนให้ทุกคนยืนยันหลักการให้แน่น และตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ทุกท่านต้องการคืออะไร ตนเชื่อมั่นว่าทุกคนต้องการรัฐบาลที่สามารถแก้ปัญหาให้ประเทศได้ ดังนั้นทางออกเดียวที่เราจะได้รัฐบาลที่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้ คือรัฐบาลที่มีความชอบธรรม มาตามระบบกลไกของระบอบประชาธิปไตย การปฏิวัติรัฐประหารไม่ใช่ทางออกแน่นอน
ดังนั้นด้วยบริบทสถานการณ์ทั้งหมด จุดยืนของตนและพรรคประชาชน คือการเรียกร้องให้นายกฯ ใช้อำนาจในการยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนในการเลือกตั้ง เปิดโอกาสให้ทุกพรรคนำเสนอนโยบายของตัวเอง ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจเลือกรัฐบาลใหม่ เลือกนายกฯ คนใหม่เข้ามาแก้ปัญหาของประเทศ
นอกจากนี้ ตนยังขอส่งข้อเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันที่ยังไม่ได้ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ถ้าท่านคิดเห็นตรงกับเราว่าการใช้อำนาจนอกระบบและการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ อย่างเดียว ไม่ใช่ทางออก ถ้าท่านให้ความสำคัญกับการหาทางออกให้กับประเทศไทย สร้างรัฐบาลที่มีความชอบธรรมเพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นของประชาชน เราขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่จะมีการประชุมในวันนี้ มีมติประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเช่นกัน
ด้านนาย ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล โดยระบุว่า
การยุบสภาตอนนี้ ยังไม่เกิดสุญญากาศ เพราะ บริบทต่างกับ 48/49 และ 56/57 ที่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามพรรคไทยรักไทย/พรรคพลังประชาชน พร้อมใจกันสร้างสุญญากาศผ่านการบอยคอตเลือกตั้ง
การยุบสภาตอนนี้ ยังไม่เกิดสุญญากาศ เพราะ อารมณ์ของประชาชนคนส่วนใหญ่ ต่างก็ไม่ต้องการรัฐประหาร ไม่ต้องการนิติรัฐประหารไม่ต้องการให้ถึงทางตัน แต่ต้องการอำนาจคืนกลับมาเพื่อกำหนดรัฐบาลใหม่ ซึ่งต่างจากตอน 48/49 และ 56/57 อย่างมาก
แต่ถ้าไม่ยุบสภา เดินหน้าเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปภายใต้องค์ประกอบของรัฐบาลแบบนี้ จะทำให้สถานการณ์เดินไปสู่สุญญากาศ เช่น ขบวนการ “นักร้อง” จะเดินเครื่อง “นิติสงคราม” ให้ศาลและองค์กรอิสระจัดการให้นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง พร้อมกับ “คดีความ” ปักหลังจำนวนมาก ทำให้เราไม่เหลือ “นายกรัฐมนตรี” ที่มีอำนาจยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
และเมื่อนั้น ถ้ามีสัญญาณชัดเจน แต่ละพรรคก็จะกลับมารวมตัวประกอบสร้างกันเป็นรัฐบาลใหม่ คล้ายๆ “รัฐบาลแห่งชาติ”
แล้วใครล่ะจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี?
ต้องไม่ลืมว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นองคมนตรีแล้ว แต่ตำแหน่ง “แคนดิเดตนายก” ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังติดตัวอยู่จนกว่าสภาหมดวาระ
ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี จะเกิดขึ้นได้ ณ เวลานี้ ต้องแสดงออกด้วยการรับผิดชอบ และคิดถึงสถานการณ์ของประเทศในอนาคต ด้วยการรักษาระบบ แก้ไขวิกฤตตามครรลองของระบบรัฐสภา มิใช่คิดถึงการรักษาอำนาจของตนเองและพวกพ้อง
การใส่เสื้อเหลืองและผ้าพันคอสีฟ้า เพียงเท่านี้ คงไม่เพียงพอต่อการแสดงภาวะผู้นำต่อสายตาประชาชน
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พายุ เนื่องจำนงค์กรณีที่นายปิยบุตร เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา โดยมีเนื้อหาดังนี้
ตอบนะครับ: ผิดครับ.. ควรหยุดแนวคิดแบบนี้ได้แล้วครับ สิ่งที่คุณปิยบุตรได้กล่าวมาทั้งหมดและที่เรียกร้องให้ท่านนายกฯทำตามโพสต์ของคุณ คือการขาดสติและความคิดที่ขาดการไตร่ตรองให้ดีโดยมีเจตนาทางการเมืองให้กับพวกตนเองที่แอบแฝงอยู่..
การที่คุณเรียกร้องให้ท่านนายกฯแสดง “ภาวะผู้นำ” งั้นตัวคุณเองก็ไม่ควรเรียกร้องให้ท่านยุบสภา.. เพราะนั้นคือการให้วิ่งหนีปัญหาและแสดงให้เห็นว่าท่านไม่อยากมานั่งรับผิดชอบและแก้ปัญหาในตอนนี้เป็นตรรกะที่ย้อนแย้งในตัวเอง
และการยุบสภาในตอนนี้คือการสร้าง “ภาวะสูญญากาศ” ทางการเมืองให้กับประเทศในระหว่างที่ไทยกำลังมีข้อพิพาทกับกัมพูชา คุณคิดว่านั่นจะเป็นตัวที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น? หรือเป็นการไปช่วยฝั่งตรงกันข้ามให้แข็งข้อขึ้นกับเรา?
การแก้วิกฤตทางการเมืองในระยะสั้นด้วยทฤษฎี “ล้มกระดานแล้วเอาใหม่” ของคุณด้วยการหาสถานการณ์มาปลุกปั่นให้ดูย่ำแย่กว่าความเป็นจริงมาเป็นข้ออ้าง.. เพื่อจะได้ไม่ต้องรอให้รัฐบาลอยู่ครบวาระตามรัฐธรรมนูญ คือแนวคิดที่ไม่ต่างกันกับแนวคิดของพวกที่ใช้รัฐประหาร (ที่คุณเคยต่อต้าน) มาเป็นทางออก
และควรไตร่ตรองให้ดีก่อนจะพูดและทำความเข้าใจให้ดีว่าเสถียรภาพของรัฐบาลนั้นสำคัญพอๆกับเสถียรภาพของชาติ.. ความกระหายที่อยากจะกำจัดรัฐบาลนี้ โดยไม่คิดถึงว่าจะกระทบต่อชาติยังไงคือตรรกะที่เบียวและเห็นแก่ตัว.. บ้านเมืองไม่ควรถูกใครมาฉวยโอกาสชี้นำและปลุกปั่นๆเล่นๆเช่นนี้ เพียงเพื่อหวังผลและตีกินทางอ้อมจากความวุ่นวายในช่วงนี้.. พอเถอะครับถ้าเห็นแก่ประชาชนจริงๆ