กมธ.ทหาร จี้ นายกฯ ลาออกปมคลิปเสียงคุย ฮุน เซน พร้อมเดินหน้าถอดถอน

19 มิ.ย. 2568 | 06:20 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มิ.ย. 2568 | 06:41 น.

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ลาออกจากตำแหน่ง ปมคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ของกัมพูชา พร้อมยื่นถอดถอนเหตุขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)

พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ออกแถลงการณ์คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา โดยร่วมกับ สมาชิกวุฒิสภา ฉบับที่ 3 เรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง โดยมีเนื้อหาระบุว่า 

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พิพาทบริเวณแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำฝ่ายกัมพูชา และแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ โดย คณะกรรมาธิการ ได้เรียกร้องให้เปิดอภิปรายทั่วไป เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา นั้น

คณะกรรมาธิการคาดหวังว่า ผู้นำรัฐบาลจะรับรู้ได้ด้วยจิตสำนึก และระลึกได้ว่า ตนเองคือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อวานนี้ เวลา 14.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงยอมรับว่า คลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้น เป็นคลิปเสียงของตนสนทนา กับสมเด็จฮุนเซนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า “เป็นคนของ ฝ่ายตรงข้าม" 

รวมทั้งเป็นการด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร และกองทัพ ที่ทำหน้าที่ รักษาอธิปไตย และบูรณะภาพแห่งดินแดน อีกทั้งการสนทนาเป็นลักษณะการยินยอม อ่อนข้อและอ่อนน้อม ให้กับอริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย โดยได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง

การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง และประชาชนคนไทยหมดความเชื่อถือ ศรัทธา เพราะที่ผ่านมาพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ล้วนส่อไปถึงความเป็นคนไม่รักชาติ (บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ)

บัดนี้ ความอดทนของคนในชาติได้สิ้นสุดลงแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้นำรัฐบาลที่ด้อยความสามารถขาดประสิทธิภาพ ขาดภาวะผู้นำ ประเทศชาติขาดความเป็นปึกแผ่น ไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ

คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา จึงขอเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทยต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

จากพฤติกรรมดังกล่าว คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาผู้รักชาติและแผ่นดินเห็นว่า ในเบื้องต้นการกระทำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจเข้าข่ายเป็นความผิด ดังนี้

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เช่น มาตรา 5 บุคคล มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราชอธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ 

มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย (1) ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม (4) สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน

2. ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตรา ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานเป็นกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐ ต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

3. นอกจากกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในหลายมาตราดังกล่าว ยังส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิผู้นำทหาร คือ แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็น คนละฝ่ายกับเรา ซึ่งหมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ และยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต และละเปิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณะกรรมาธิการ จึงไม่อาจปล่อย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลฝั่งเดียวกันกับกัมพูชาและเป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย ให้บริหาร ประเทศต่อไปได้ 

ดังนั้น คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมกันนี้ คณะกรรมาธิการ ไม่อาจปล่อยให้บุคคลที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทยบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว 

กรณีจึงมีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ออกจาก ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 และตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการ การเมือง พ.ศ. 2564 รวมทั้งดำเนินการเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีต่อองค์กรต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วน รับฟังข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ให้เกิดความวุ่นวายและขอให้ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงบ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมทั้งสมาชิกวุฒิสภา ได้ตระหนักในบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบต่ออธิปไตย และความมั่นคงของชาติ ด้วยการทำหน้าที่ เพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมจะยืนเคียงคู่กับประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และ กองทัพ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตย และประเทศชาติอย่างสุดกำลัง