กัมพูชาสรุปผล JBC ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000  ปักปันเขตแดน ไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทย

15 มิ.ย. 2568 | 12:23 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มิ.ย. 2568 | 12:28 น.

สำนักงานเลขาธิการรัฐว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา สรุปผลประชุม JBC 15 มิ.ย. 68 ทั้ง 2 ตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1904 และอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1907 เพื่อดำเนินการปักปันเขตแดนและงานปักปันเขตแดน ไม่ยอมรับแผนที่อ้างอิงฝ่ายไทยที่วาดขึ้นเองฝ่ายเดียว

 

15 มิถุนายน 2568 - การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 ปิดฉากลงแล้ว โดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมและลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ

ภายหลังการประชุมสำนักงานเลขาธิการรัฐว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา ได้ออกแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 มิ.ย. โดยประกาศผลการประชุมคณะกรรมการเขตแดนและกำหนดเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) หลังจากดำเนินการมาเป็นเวลา 2 วัน

ภายหลังการประชุม ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันต่อในการประชุมคณะของคณะกรรมการชายแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) โดยตกลงที่จะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อดังต่อไปนี้

1. ทบทวนและอนุมัติรายงานการประชุมครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการเทคนิคชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JTSC) ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ที่เสียมเรียบ

2. ทบทวนและหารือเกี่ยวกับการแก้ไข TOR ปี 2546 เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (ขั้นตอนที่ 2 ในข้อ 4 ของ TOR)

3. หารือและอนุมัติการส่งทีมสำรวจร่วมไปสำรวจและกำหนดเขตแดนบนพื้นดินจริงระหว่างตำแหน่งที่แน่นอนของจุดผ่านแดนที่ตกลงกันไว้ (แนวน้ำและเส้นตรง)

4. หารือเกี่ยวกับแนวทางการสำรวจในเขต 6 (จุด IX ของการประชุมครั้งที่ 4 และการประชุมพิเศษ JBC ปี 2552)


ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) นายฬำ เจีย รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา แจ้งต่อฝ่ายไทยว่า

เพื่อประโยชน์ในการประกันการแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยุติธรรม เป็นกลาง และถาวรสำหรับทั้งสองประเทศ ฝ่ายกัมพูชาขอให้ฝ่ายไทยร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชาในการนำข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่มอมเบย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และยืนยันจุดยืนของกัมพูชาในการดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเป็นอิสระจากศาล แม้ว่าฝ่ายไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ก็ตาม

ฝ่ายกัมพูชายังยืนยันกับฝ่ายไทยต่อไปว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พื้นที่ทั้ง 4 แห่งนี้จะไม่เป็นหัวข้อหรือวัตถุในการหารือและการแก้ไขภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) อีกต่อไป

ขณะเดียวกัน นายฬำ เจีย กล่าวว่า นอกเหนือจาก 4 พื้นที่ที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แล้ว ฝ่ายกัมพูชายังคงยืนหยัดจุดยืนและความปรารถนาดีในการให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการส่งเสริมการวัดเส้นเขตแดนและปักปันเขตแดนโดยใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) ต่อไป

 

นายฬำ เจีย ยังได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาในการยึดมั่นในสันติภาพและแสวงหาพรมแดนอย่างสันติ เป็นมิตร และให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทย โดยยึดตามเอกสารกฎหมายและแผนที่ที่ตกลงกันตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 

ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1/200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1904 และอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1907 เพื่อดำเนินการปักปันเขตแดนและงานปักปันเขตแดน

ในเรื่องนี้ ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยวาดขึ้นโดยฝ่ายเดียวและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งเป็นแหล่งที่มาหลักของข้อพิพาทพรมแดนเรื้อรังทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) จัดขึ้นในบรรยากาศของมิตรภาพ ความเข้าใจ และการสนทนาที่เปิดกว้างและเป็นบวก การประชุมได้สรุปการหารืออย่างเต็มรูปแบบตามวาระการประชุมที่ตกลงกันไว้และลงนามบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2025 ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน 2025

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่าการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้

ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีระดับสูงด้านความมั่นคง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยกับกัมพูชาเป็นประธานร่วม เพื่อหารือในการกำหนดแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ และ (3) คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ซึ่งเป็นกลไกระดับทวิภาคีของฝ่ายทหาร เพื่อหารือในระดับพื้นที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การพัฒนา ตลอดจนการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบริเวณชายแดนร่วมกัน โดยประธานร่วมเป็นระดับแม่ทัพภาคหรือตำแหน่งที่เทียบเท่า

กัมพูชาสรุปผล JBC ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000  ปักปันเขตแดน ไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทย