ผลโหวต “งบ 69 “ วาระแรกฉลุย มติสภาผู้แทนราษฎร 322 ต่อ 158 เสียง

31 พ.ค. 2568 | 10:01 น.
อัปเดตล่าสุด :31 พ.ค. 2568 | 10:22 น.

สภาผู้แทนราษฎรมีมติ 322 ต่อ 158 เสียง เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2569 นายกฯ ฝากกมธ.พิจารณาทุกข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์สูงสุด วอนฝ่ายค้านร่วมพาประเทศผ่านวิกฤต

วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 การประชุมสภาผู้แทนนราษฎร สมัยวิสามัญ (เป็นพิเศษ) วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก เป็นวันสุดท้าย หลังสมาชิกมีการอภิปรายเสร็จสิ้น ได้มีการลงมติรับหลักการในวาระแรก

ผลปรากฏว่า ที่ประชุม 482 คน มีมติ 322 ต่อ 158 เสียง "รับหลักการ"  ในวาระแรก ก่อนรเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ73 คน เพื่อพิจารณา ก่อนเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณท่านประธาน และท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน ที่ได้ร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่รัฐบาลนำเสนอด้วยความตั้งใจ

รัฐบาลตระหนักดีว่า การทำงบประมาณในครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณรายจ่าย มาตรการกีดกันทางการค้า ของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยรอบด้านที่ส่งผลกระทบ

“แน่นอนว่า สภาวะเศรษฐกิจในประเทศอย่างไรก็ดีซึ่งมีผลกระทบมากมาย ถึงวันนี้เราก็จะสามารถขับเคลื่อนประเทศให้ไปต่อได้ก็ด้วยนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลได้เสนอต่อสภาฯ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างบประมาณที่ได้เสนอไปจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนไทยทุกๆ คนได้”

นายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา โดยคำนึงถึงการจัดลำดับของความสำคัญของงบประมาณเพื่อที่จะรองรับปัญหาเร่งด่วนเสริมสร้างศักยภาพของทุนมนุษย์และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการขับเคลื่อนพัฒนาตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้การจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ และสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

รวมถึงการมุ่งเน้นการรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศให้เป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับข้อคิดเห็นและข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ทุกท่านได้อภิปรายไว้ขอฝากคณะกันมาธิการวิสามัญที่จัดตั้งขึ้นโดยสภาฯแห่งนี้นำไปประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดและ ครบถ้วนต่อไป

"ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง ทั้งเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ใช่เพียงแต่ประเทศของเรา แต่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศก็ได้คุยกับผู้นำประเทศมากมาย มีเรื่องของผลกระทบที่เจอในหลายด้านหลายมุมแตกต่างกัน ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกทุกประเทศที่จะร่วมมือช่วยกันได้ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่

การเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้ ก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายในการที่จะกำหนดทิศทาง หรือหาข้อสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นคำตอบที่ชัดเจนได้ในวันนี้เลย

แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันมั่นใจ นั่นคือ รัฐบาลชุดนี้จะทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำนโยบาย ทุกๆ นโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เราจะลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้และขยายโอกาสและจะใช้เม็ดเงินจากพ.ร.บ.งบประมาณชุดนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน

ดิฉันทราบดีเหมือนที่ทุกท่านทราบกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและทราบดีว่าพี่น้องประชาชน ก็ไม่ได้ส่งเรามาทำเรื่องง่ายๆ รัฐบาลทำหน้าที่ในการบริหาร ฝ่ายค้านเป็นผู้ตรวจสอบ ถ้าเราทั้งสองมุ่งเน้นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เป็นใจความสำคัญ ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถทำให้ประเทศผ่านวิกฤตไปได้ และสามารถทำให้เห็นผลสำเร็จร่วมกันได้แน่นอน" นายกรัฐมนตรี กล่าว

                                   ผลโหวต “งบ 69 “ วาระแรกฉลุย มติสภาผู้แทนราษฎร 322 ต่อ 158 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เสียงรัฐบาล มีจำนวนทั้งสิ้น 324 เสียง แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย142 เสียง ภูมิใจไทย 69 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง กล้าธรรม 26 เสียง 

ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9เสียง  ชาติพัฒนา 3 เสียง ไทยรวมพลัง 2 เสียง เสรีรวมไทย 1เสียง ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง

ขณะที่ฝ่ายค้าน มี 171 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 143เสียง พลังประชารัฐ 20 เสียง ไทยสร้างไทย 6 เสียง เป็นธรรม 1เสียง ไทยก้าวหน้า 1 เสียง