ที่รัฐสภา วันนี้ (30 พฤษภาคม 2568) มีการประชุมวุฒิสภา โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ (กมธ.) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และจริยธรรมของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงการให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยที่ประชุมได้เลื่อนญัตติดังกล่าวไว้ก่อน เนื่องจากมีข้อเสนอจาก นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภากลุ่มพันธุ์ใหม่ ให้ชะลอกระบวนการจนกว่าจะมีคำตัดสินคดีที่ สว.จำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องในคดีฮั้วเลือก สว.
นายเทวฤทธิ์ อธิบายว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องเลื่อน คือเป็นบรรทัดฐานที่ กมธ.ตรวจสอบประวัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช. เคยลาออกไปถึง 13 คน เนื่องจากกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจากการถูกตรวจสอบที่ ป.ป.ช. ขณะที่การชะลอดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของกรรมการองค์กรอิสระ
ระหว่างการอภิปราย สมาชิกวุฒิสภา 24 คนที่ลงชื่ออภิปราย ส่วนใหญ่สนับสนุนญัตติชะลอ โดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภากลุ่มพันธุ์ใหม่ ระบุว่า ขณะนี้มี สว.ถึง 92 คนที่ถูกยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เนื่องจากพบการแทรกแซงงานของหน่วยงานตรวจสอบ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ กกต. จึงถือว่าสมาชิกที่ถูกร้องกลายเป็นจำเลย หากเดินหน้าลงมติอาจถูกกล่าวหาว่าผลประโยชน์ทับซ้อนและผิดจริยธรรม
นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ สมาชิกวุฒิสภากลุ่มสีขาว สนับสนุนการชะลอ โดยชี้ว่าการลงมติต้องสะอาดสง่างาม และการเร่งรีบลงมติโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงอาจสร้างความเสียหายและผลกระทบตามมา
ขณะที่ น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา เสนอให้เลื่อนกระบวนการไปจนถึงการประชุมสมัยสามัญในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากสังคมมีข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และเรียกร้องให้องค์กรตรวจสอบเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ
ด้าน นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สมาชิกวุฒิสภา แสดงความเห็นแย้ง เห็นว่าการชะลอกระบวนการไม่ควรเกิดขึ้นง่าย ๆ หรือจากเหตุผลทางการเมือง ต้องเคารพหลักประชาธิปไตยและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ พร้อมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการติดตามเรื่องนี้ และเรียกร้องให้ใช้ดุลยพินิจอย่างซื่อสัตย์ในการพิจารณา พร้อมย้ำว่าคดีความเป็นเรื่องของสิทธิต่อสู้ในกระบวนการ ไม่ควรถูกนำมาเป็นเหตุผลหลักในการเลื่อน
ฝั่งที่เห็นต่างยืนยันต้องปฏิบัติตามหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และชี้ว่าคดีที่ถูกตรวจสอบยังไม่มีข้อสรุป พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา ชี้แจงว่าการสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว.เป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และสมาชิกที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดเป็นผู้ถูกกระทำจากอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ดังนั้นจึงไม่อาจชะลอกระบวนการแต่งตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติได้ เพราะต้องดำเนินการตามระเบียบวาระของวุฒิสภา โดยมีกรอบเวลาและขั้นตอนชัดเจน
หลังการอภิปราย สมาชิกวุฒิสภาลงมติเพื่อชี้ขาด โดยมติที่ประชุม 125 เสียงไม่เห็นด้วยต่อ 37 เสียง และงดออกเสียง 12 เสียง จึงเดินหน้าพิจารณาวาระตามระเบียบต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังการลงมติ นพ.เปรมศักดิ์ และ น.ส.นันทนา แจ้งไม่ร่วมสังฆกรรมกับการประชุมวุฒิสภาในการเห็นชอบองค์กรอิสระในวันนี้ โดย น.ส.นันทนา แจ้งว่าตนและสมาชิกเสียงข้างน้อยขอวอร์คเอาท์ออกจากห้องประชุม