28 พฤษภาคม 2568 นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบประมาณโดยสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานฯ ถึง 265,295 ล้านบาท ถือว่า เป็นงบประมาณที่จัดสรรให้กับกองทุน 30 บาทรักษาทุกที่ มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์นับตั้งแต่การเริ่มจัดตั้งกองทุนโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
สำหรับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
1.ค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัวเพิ่มขึ้นจาก 3,856 บาท เป็น 4,175 บาทต่อคน จากผู้มีสิทธิ์กว่า 47 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16,526 ล้านบาท ได้รับการจัดสรรรวม 198,367 ล้านบาท
2. ค่าบริการทางการแพทย์นอกเหมาจ่ายรายหัว เพิ่มขึ้น 12,382 ล้านบาท ได้รับการจัดสรรรวม 66,927 ล้านบาท
- ค่าบริการสัดส่วนนอกเหมาจ่ายรายหัวที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าบริการสุขภาพผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง เพิ่มขึ้น 2,568 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน เพิ่มขึ้น 2,614 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิ เพิ่มขึ้น 1,590 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร เพิ่มขึ้น 1,348 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรค เพิ่มขึ้น 2,377 ล้านบาท
- ค่าบริการสุขภาพผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ เพิ่มขึ้น 319 ล้านบาท
- ค่าบริการควบคุมป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้อรัง เพิ่มขึ้น 261 ล้านบาท
"นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ โครงการนี้ประสบความสำเร็จแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ยกระดับมาจาก 30 บาทรักษาทุกโรค สมัยพรรคไทยรักไทย เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา รักษาชีวิตของประชาชน
มาวันนี้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นของกองทุน 30 บาทรักษาทุกที่ ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ. 2569 ที่จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ จะเป็นการยกระดับการรักษาของหน่วยบริการต่างๆให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน่วยบริการ และโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข" รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายจิรพงษ์ เปิดเผยอีกว่า อนาคตอันใกล้นี้ในงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ตนมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า นายสมศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะเร่งผลักดันการใช้งบประมาณของกองทุนฯให้คุ้มค่า โปร่งใส และมีประสิทธิผล ในการยกระดับการบริการสาธารณสุขต่าง ๆ ทุกมิติ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เช่น Telemedicine ในการรักษาโรคปฐมภูมิ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลใหญ่ซึ่งได้เริ่มแล้วในโครงการ ตู้ห่วงใย
เพิ่มรายการยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อนำยาที่มีคุณภาพสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่มาให้ประชาชนในการรักษาโรค เช่น ยารักษาโรคมะเร็งแบบพุ่งเป้า Targeted Therapy ที่มีราคาแพงแทนที่ยารักษาโรคมะเร็งแบบทั่วไป และตัวยาแบบฉีดของยารักษาโรค HIV เพื่อให้ผู้ป่วย HIV มีความสะดวกเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
รวมถึงการบริการสาธารณสุขเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคในโครงการ คนไทยห่างไกลจากโรค NCDs ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมโครงการนับคาร์บ หรือจำนวนคาร์โบไฮเดรตที่ต้องการของแต่ละบุคคลต่อวัน กว่า 29 ล้านคนทั่วประเทศ การให้ประชาชนลดแป้งหรือน้ำตาลทำให้ประชาชนปลอดจาก NCDs เช่น โรคความดัน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้องรัง โรคมะเร็ง และยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของยารักษาโรคดังกล่าวของกองทุนฯกว่า 26,000 ล้านบาทต่อปีอีกด้วย