วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานศาลปกครอง นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาแก้ไข ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าวในส่วนของการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) เป็นจำนวนเงิน 10,028 ล้านบาท
นายนรวิชญ์ ระบุว่า แม้ศาลจะยกเว้นความรับผิดในส่วนของความเสียหายรวมจากโครงการจำนำข้าวปีการผลิต 2555/56 และ 2556/57 ซึ่งกระทรวงการคลังเคยประเมินมูลค่าความเสียหายไว้ที่ 178,000 ล้านบาท และเรียกให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ รับผิดชอบ 20% หรือประมาณ 35,000 ล้านบาท แต่ในส่วนของการระบายข้าว G2G ศาลกลับมีคำสั่งให้รับผิด 1 หมื่นล้านบาท โดยชี้ว่ามีเจตนาทุจริต
“เรายืนยันว่า กระบวนการระบายข้าวในเวลานั้น อยู่ภายใต้การดูแลของคณะอนุกรรมการระบายข้าว ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ไม่ใช่อำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยตรง” นายนรวิชญ์กล่าว
ทั้งนี้ ทีมทนายได้ชี้แจงว่า ข้าวที่เหลืออยู่ในคลังรัฐ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จำนวน 18.9 ล้านตันนั้น ปัจจุบันรัฐบาลชุดหลังสามารถระบายออกได้หมดแล้ว โดยหากขายในราคากิโลกรัมละ 25 บาท จะทำรายได้ประมาณ 250,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาหักลบกับความเสียหายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกเรียกให้ชดใช้ จนอาจไม่ต้องชดใช้เลยก็เป็นได้
นายนรวิชญ์ กล่าวว่า เอกสารและข้อมูลการขายข้าวดังกล่าวถือเป็น "พยานหลักฐานใหม่" ซึ่งแม้จะยื่นไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่ได้รับการพิจารณา เพราะกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงสิ้นสุดไปแล้ว ดังนั้น ทีมทนายกำลังหารือว่า จะยื่นคำร้องขอให้ศาลเปิดไต่สวนคดีใหม่อีกครั้ง ภายใต้กรอบเวลา 90 วัน ตามมาตรา 75 ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
“เราจะดำเนินการทุกช่องทางที่กฎหมายเปิดให้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้อดีตนายกรัฐมนตรี” ทนายความกล่าว
อย่างไรก็ดี นายนรวิชญ์ ยอมรับว่า ในช่วงปี 2558–2562 มีการนำข้าวบางส่วนที่ยังอยู่ในสภาพดีไปตีราคาเป็นข้าวเน่า ส่งผลให้ขายได้ราคาต่ำเพียง 3–5 บาทต่อกิโลกรัม ต่างจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ขายได้ถึงกิโลกรัมละ 18–25 บาท ทำรายได้สะสมกว่า 2 แสนล้านบาท
เมื่อถูกถามว่าการขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลปัจจุบันอาจมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดยอดหนี้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ นายนรวิชญ์กล่าวว่า "ต้องดูว่าใครเป็นผู้ซื้อ เพราะเป็นเอกชน ไม่มีใครจ่ายเงินเพื่อช่วยใครหรอก ถ้าใช้ตรรกะธรรมดา"
ในส่วนของทรัพย์สินที่ถูกอายัด นายนรวิชญ์ ระบุว่า ถูกยึดและขายไปแล้วเกือบทั้งหมด โดยมูลค่ารวมยังไม่สามารถระบุได้ ส่วนทรัพย์สินที่ถือร่วมกับสามีในฐานะกรรมสิทธิ์หลังปี 2538 ศาลได้มีคำสั่งให้กันทรัพย์ไว้เกือบทุกรายการ
เมื่อถามว่าหากยอดการขายข้าวสามารถนำมาหักลบกับยอดชดใช้ จะมีเงินส่วนที่ต้องคืนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ ทนายความ ระบุว่า หากคำนวณแล้วมีส่วนเกินก็ต้องคืน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้แน่ชัด และไม่มีกรอบเวลาว่าจะต้องคืนเมื่อใด เพราะขึ้นอยู่กับการบังคับคดีโดยกรมบังคับคดี และ กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าภาพ
“อยากฝากสื่อและผู้ที่สนใจเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเชียร์หรือไม่เชียร์ น.ส. ยิ่งลักษณ์ อย่าใช้ข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนมาทำร้ายหรือใส่ร้าย เพราะท่านเผชิญคดีหนักทั้งอาญา และ แพ่ง ทนายความอย่างเราก็พร้อมเดินหน้าสู้คดีเต็มที่ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ท่าน”
เมื่อถูกถามว่าคดีนี้จะส่งผลต่อโอกาสการเดินทางกลับประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ นายนรวิชญ์ ตอบว่า “ไม่ทราบ และไม่รู้ว่าท่านพำนักอยู่ที่ใด แต่คดีแพ่งนี้ไม่น่ามีผล”
ปิดท้ายเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้แจ้งเรื่องนี้ให้นายทักษิณ ชินวัตร ทราบหรือยัง นายนรวิชญ์ ตอบว่า “คิดว่าท่านคงทราบจากข่าวแล้ว แต่ผมไม่ได้พูดคุยอะไรเป็นการส่วนตัว”