นับถอยหลัง กกต.ฟัน "ฮั้วเลือก สว." 26 มิ.ย. 68 เดดไลน์ 1 ปี

10 พ.ค. 2568 | 00:30 น.

26 มิ.ย. 2568 เป็นวันครบรอบ 1 ปี ของการเลือก สว. ระดับประเทศ 200 คน กกต. ต้องดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทุจริต “ฮั้วเลือก สว.” ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด

KEY

POINTS

 

  • 26 มิ.ย. 2568 เป็นวันครบรอบ 1 ปี ของการเลือก สว. ระดับประเทศ 200 คน ซึ่ง กกต. ต้องดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทุจริต ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด 
  • เบื้องต้น กกต.จะทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหา สว. ล็อตแรก ประมาณ 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น สว.คนดัง ตามความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 
  • กกต.มีเวลาเหลือไม่ถึง 2 เดือน ที่จะต้องแจ้งข้อหาเอาผิดกับ สว. ที่ได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริตหาไม่แล้ว กกต.อาจตกเป็น “ผู้ถูกกล่าวหา” ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 เสียเอง
     

วันที่ 26 มิ.ย. 2568 เป็นวันครบรอบ 1 ปี ของการเลือกสมาชิกวุฒิวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ 200 คน ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทุจริตเลือก สว. (ฮั้วเลือก สว.) ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด 

ขึ้นบัญชีเชือด 60 สว.

สำหรับกรณีที่ กกต.ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการ “ฮั้วเลือก สว.”โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมเป็นคณะทำงานด้วย มี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน นั้น

เมื่อช่วงสาย วันที่ 7 พ.ค. 2568 มีรายงานออกมาว่า กกต.จะทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหา สว. ล็อตแรก จำนวน 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น สว.คนดัง ตามความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 70 และมาตรา 77 2561 ซึ่งมีโทษสูงสุด คือ จำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท - 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5-10 ปี  

ทั้งนี้ บุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่า กระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็น สว.โดยสุจริตเที่ยงธรรม หรือ มาโดยการฮั้ว กระบวนการต่อจากนี้ สว.ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ กกต. เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจาก กกต. เป็นระบบไต่สวน

ในกรณีหากเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แล้วไม่มาพบเจ้าหน้าที่ ก็ถือว่าประสงค์ไม่ให้การชี้แจง แต่จะไม่ถึงขั้นขอศาลออกหมายจับ โดยกกต.จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเรื่องการทุจริต เพื่อออกใบแดง และส่งเรื่องเพิกถอนสิทธิ สว. ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อไป

กกต.แจงขั้นตอนสอบฮั้ว สว.

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ออกมาให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวสั้นๆ ว่า “เรื่องนี้ไม่มีมูล ได้ยินแต่ข่าว”

ขณะที่แหล่งข่าวจาก กกต.ได้ชี้แจงกรณีที่ปรากฎเป็นข่าว กกต.เตรียมลงดาบ 60 สว.ที่ทุจริตฮั้วเลือก สว. และเตรียมยื่นศาลฎีกานักการเมืองเพิกถอนสิทธิ์ 138 สว. ว่า กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ที่กกต.ตั้งขึ้น ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ กกต. กับ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมเป็นกรรมการ โดยมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการฯ กกต. เป็นประธาน

ขั้นตอนนี้ถือเป็นเป็นขั้นที่หนึ่งใน 4 ขั้นตอนของกระบวนการสอบสวนปกติในการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านสำนวนทุจริตการเลือกตั้ง ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 

ถ้าดำเนินการไต่สวนแล้วมีมูล หรือ หลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่า อาจมีการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว หรือ ฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาตามระเบียบเดียวกัน เพื่อให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว

                             นับถอยหลัง กกต.ฟัน \"ฮั้วเลือก สว.\" 26 มิ.ย. 68 เดดไลน์ 1 ปี

 

เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ก็ต้องนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานที่มี ก่อนสรุปและมีความเห็น เพื่อเสนอสู่ขั้นตอนที่ 2 คือ ขั้นของสำนักงาน กกต. ซึ่งพนักงานสืบสวน และไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวน จะดำเนินการวิเคราะห์สำนวน และจัดทำความเห็นเสนอผ่านผู้อำนวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก มาถึงเลขาธิการ หรือ รองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อมีความเห็น 

ก่อนที่จะส่งต่อไปยังขั้นตอนที่ 3 คือ คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา หรือ ข้อโต้แย้ง เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้ว จะทำความเห็นเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 4 เพื่อวินิจฉัยชี้ขาด หรือ สั่งการ 

ดังนั้น ข่าวที่ปรากฏจึงคลาดเคลื่อนจากขั้นตอนตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 

...ไม่ว่าขั้นตอนการสอบสวน ไต่สวน ของ กกต. จะเป็นอย่างไร แต่ตามกฎหมายกำหนดให้ กกต. ต้องดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี 

นั่นหมายความว่า กกต.มีเวลาเหลือไม่ถึง 2 เดือน ที่จะต้องดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดกับ “สว.” ที่ได้รับเลือกตั้งมาโดยกระบวนการ “ฮั้ว” 

หาไม่แล้ว กกต. ก็อาจตกเป็น “ผู้ถูกกล่าวหา” ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เอาได้เหมือนกัน...

                        +++++++++

เปิดขบวนการฮั้ว สว.

สำหรับกรณีการ “ฮั้วเลือก สว.” ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ ปมฟอกเงินและอั้งยี่นั้น ข้อมูลเชิงลึกจากการตรวจสอบ พบพัวพันไปถึง “นักการเมืองระดับบิ๊ก” และเชื่อมโยงไปยังพรรคการเมือง

ดีเอสไอได้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังคณะกรรมการ กกต. เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2568 ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดขบวนการ “ฮั้วเลือก สว.” คือเส้นทางการเงิน ซึ่งพบความเชื่อมโยงของผู้ร่วมขบวนการหลายคน

ในสำนวนพบผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการ ฮั้วเลือก สว. ประกอบด้วย นาย น. - นาย ช. - นาย ภ. - นาย ก. - นาย ธ. - นาย จ. – น.ส. น. - นาย ว. ซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง 

การตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังพบว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ลงรับสมัคร สว. ในหลายพื้นที่ โดยเป็นการโอนเงินมาจากคณะทำงานของ สส. หรือ โอนมาจากผู้ช่วย สส. หรือ โอนมาจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานของพรรคการเมือง และบางส่วนโอนมาจาก “ข้าราชการ” ในพื้นที่ที่ช่วยลงรับสมัคร สว.

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนกลับขึ้นไป พบว่า มีการโอนเงินเข้ามาจากบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเมือง และพบเส้นทางการเงินของกลุ่มบุคคลที่รับผิดชอบการเลือก สว. คนละ 3-4 จังหวัด

เส้นทางการเงินเชื่อมถึงนักการเมือง สส. ทั้งในอดีต และ ปัจจุบันของพรรคการเมือง ซึ่งพื้นที่หลักอยู่ที่ อ่างทอง อยุธยา บึงกาฬ บุรีรัมย์ สตูล และ สุราษฎ์ธานี ถูกใช้เป็นจุดศูนย์กลางการจัดการ

ผลการสอบสวนของดีเอสไอ ยังพบอีกว่า 138 สว. และ 2 สว.สำรอง ที่มีชื่อเกี่ยวพันกับการฮั้วเลือก สว. จะถูกล็อกชื่อการเลือกระดับประเทศ ใน 20 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะมี 6-7 ชื่อ เข้าไปดำรงตำแหน่ง สว.

ในกลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง มี 7 คน กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มี 7 คน กลุ่มการศึกษา มี 7 คน กลุ่มการสาธารณสุข มี 7 คน กลุ่มอาชีพทำนา ทำไร่ มี 7 คน กลุ่มอาชีพทำสวน เลี้ยงสัตว์ ประมง มี 8 คน

กลุ่มลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงาน มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบกิจการ SMEs มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น มี 7 คน

กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มี 7 คน กลุ่มสตรี มี 6 คน กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น มี 7 คน

กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา มี 7 คน กลุ่มประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ มี 7 คน กลุ่มสื่อสารมวลชน นักเขียน มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มี 7 คน กลุ่มอื่น ๆ มี 7 คน 

สำหรับจังหวัดที่มีขบวนการ ฮั้ว สว. จะมี 64 จังหวัด โดย บุรีรัมย์ มี สว.มากที่สุด 14 คน กทม. 9 คน พระนครศรีอยุธยา และสุรินทร์ จังหวัดละ 7 คน สงขลา สตูล และอ่างทอง จังหวัดละ 6 คน นครศรีธรรมราช เลย ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุทัยธานี จังหวัดละ 5 คน โดยทั้ง 12 จังหวัดข้างต้นมี สว. รวมกัน 80 คน คิดเป็น 40% จาก 200 คน

โดยมี 13 จังหวัด ที่ไม่มี สว. แม้แต่คนเดียว ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ตาก นราธิวาส เพชรบูรณ์ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ร้อยเอ็ด ลพบุรี สกลนคร สระแก้ว อุตรดิตถ์ และอุดรธานี

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,095 วันที่ 11 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568